แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การนำสืบถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวการกับตัวแทน เพื่อให้ทราบถึงความจริงเกี่ยวกับการทำสัญญาเป็นมาอย่างไร ไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94(ข) ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจเป็นสำเนาเอกสารไม่ใช่คู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสาร ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร และไม่ต้องห้ามในการที่ศาลจะรับฟังเอกสารนั้นเป็นพยาน คำฟ้องของโจทก์บรรยายว่า จำเลยผิดนัดชำระค่าเช่าเกิน 6 เดือนและไม่ชำระภาษีโรงเรือนตามเงื่อนไขในสัญญาเช่า จำเลยให้การว่าที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ชำระค่าภาษีโรงเรือนและค่าเช่าจำเลยขอปฏิเสธว่าไม่เคยผิดเงื่อนไขในสัญญาเช่า รายละเอียดจะได้เสนอศาลในชั้นพิจารณาต่อไป คำให้การของจำเลยจึงเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ผิดสัญญาตามฟ้อง คดีมีประเด็นว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ จำเลยมีสิทธินำพยานเข้าสืบตามประเด็นดังกล่าวได้ ไม่เป็นการนำสืบนอกคำให้การ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากตึกแถวเลขที่ 134/3 ตรอกวัดกันมาตุยาราม ถนนเจริญกรุง (ซอย 14)แขวงสัมพันธวงศ์กรุงเทพมหานคร กับใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสามเป็นเงิน 12,000 บาท กับค่าเสียหายเป็นรายเดือนเดือนละ 3,000 บาทนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไป
จำเลยให้การว่า โจทก์ทั้งสามไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกแถวเลขที่ 134/3 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าจำเลยทำสัญญาเช่าตึกแถว เลขที่ 134/3 ตรอกวัดกันมาตุยารามแขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร จากนายเยี่ยมไหลวัฒนา ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 100 บาท โดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสามในปัญหาข้อกฎหมายดังต่อไปนี้
โจทก์ทั้งสามฎีกาว่า ที่จำเลยนำสืบว่านายเยี่ยม ไหลวัฒนาทำสัญญาเช่าตามเอกสารหมาย ล.5 โดยได้รับมอบอำนาจจากนางลาวัณย์ไหลวัฒนาหรือยอดกมล ตามเอกสารหมาย ล.8 โดยที่สัญญาเช่าไม่มีข้อความดังกล่าวเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารนั้นได้ความว่านางลาวัณย์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่ให้เช่า แม้ในสัญญาเช่าไม่ระบุว่านายเยี่ยมกระทำแทนนางลาวัณย์ จำเลยก็มีสิทธินำสืบได้ว่านายเยี่ยมกระทำการให้เช่าทรัพย์สินแทนนางลาวัณย์ได้เพราะเป็นการนำสืบถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวการกับตัวแทน เพื่อให้ทราบถึงความจริงเกี่ยวกับการทำสัญญาว่าเป็นมาอย่างไร ไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพิ่มเติมเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94(ข)
ที่โจทก์ทั้งสามฎีกาว่า ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย ล.8ไม่ปิดอากรแสตมป์ตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 23 (ข) ในประมวลรัษฎากรต้องห้ามมิให้รับฟัง นั้น เห็นว่า บัญชีอัตราอากรแสตมป์ข้อ 23(ข)ใช้บังคับเฉพาะคู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสาร ซึ่งมีข้อความอย่างเดียวกันกับต้นฉบับ หรือต้นสัญญาและผู้กระทำตราสารได้ลงลายมือชื่อไว้อย่างเดียวกับต้นฉบับ ดังนั้น ภาพถ่ายหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมายล.8 เป็นสำเนาเอกสารไม่ใช่คู่ฉบับหรือคู่ฉีกแห่งตราสาร ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากรไม่ต้องห้ามในการรับฟัง
ที่โจทก์ทั้งสามฎีกาว่า คำให้การจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายและจำเลยนำสืบถึงการไม่ผิดนัดชำระค่าเช่าและไม่ผิดข้อตกลงเรื่องการชำระภาษีโรงเรือนเป็นการนำสืบนอกคำให้การนั้น ตามคำฟ้องโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยผิดนัดชำระค่าเช่าเกิน 6 เดือน และไม่ชำระภาษีโรงเรือนตามเงื่อนไขในสัญญาเช่า จำเลยให้การว่า ที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยไม่ชำระค่าภาษีโรงเรือนและค่าเช่าจำเลยขอปฏิเสธว่าไม่เคยผิดเงื่อนไขในสัญญาเช่า รายละเอียดจะได้เสนอศาลในชั้นพิจารณาต่อไป เห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยเป็นการแสดงโดยแจ้งชัดโดยปฏิเสธว่า จำเลยไม่ผิดสัญญาตามฟ้อง คดีจึงมีประเด็นว่าจำเลยผิดสัญญาเช่าหรือไม่ จำเลยจึงมีสิทธินำพยานเข้าสืบตามประเด็นดังกล่าวได้ ไม่เป็นการนำสืบนอกไปจากคำให้การ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ทั้งสามฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน