คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3506/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสอง และให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนบ้านออกจากที่ดินของโจทก์ ต่อมาโจทก์กับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยทั้งสองยอมรื้อถอนบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ภายในเวลาที่กำหนด ศาลพิพากษาตามยอม ครั้นถึงกำหนดจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงดำเนินการบังคับคดี จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ศาลชั้นต้นยกคำร้อง จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าวให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียวโดยเห็นว่าได้มีการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาให้จำเลยทั้งสองทราบโดยชอบแล้ว จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าไม่ได้รับหมายนัดของศาลให้ไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวน และให้ระงับการบังคับคดีไว้ก่อน ศาลชั้นต้นยกคำร้องโดยไม่ไต่สวนจำเลยที่ 1 อุทธรณ์อีก ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนคำร้อง ของ จำเลยที่ 1โจทก์ฎีกา ในชั้นฎีกาเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ไปเรียบร้อยแล้วคดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาพิพากษาฎีกาของโจทก์อีกต่อไปศาลฎีกาชอบที่จะจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ แต่คดีนี้จะจำหน่ายคดีโดยให้คงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไว้เป็นการไม่ชอบ เพราะยังมีผลให้ดำเนินกระบวนพิจารณากันต่อไปอีกทั้ง ๆ ที่ได้มีการรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์เรียบร้อยแล้ว และไม่มีประเด็นอื่นต้องวินิจฉัยอีก ศาลฎีกาจึงต้องพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ด้วย

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสอง ให้รื้อถอนบ้านและออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามฟ้อง กับเรียกค่าเสียหายโจทก์กับจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นในสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงว่า จำเลยทั้งสองยอมรื้อถอนบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 53026 ของโจทก์ภายในวันที่ 30 กันยายน 2533 เมื่อถึงกำหนดจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงดำเนินการบังคับคดี
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าจำเลยที่ 1ไม่เคยตั้งให้นายบุญเลิศ จันทร์ประเสริฐ เป็นทนายความมาทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ลายมือชื่อในใบแต่งทนายความเป็นลายมือชื่อปลอม จำเลยที่ 1 ไม่เคยได้รับหมายเรียกสำเนาฟ้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 อุทธรณ์คำสั่ง วันที่ 10 มิถุนายน 2534 ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ซึ่งพิพากษายืน โดยได้อ่านให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียว
วันที่ 25 กรกฎาคม 2534 นายบุญเลิศ จันทร์ประเสริฐผู้อ้างว่าเป็นทนายความของจำเลยทั้งสองได้ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่า เมื่อศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ฉบับลงวันที่ 8 มีนาคม 2531 แล้ว ผู้แถลงย่อมหมดความผูกพันจากการเป็นทนายความของจำเลยทั้งสอง ผู้แถลงจึงไม่เป็นทนายความของจำเลยทั้งสองอีกต่อไป ขอคืนหมายนัดที่แจ้งให้ไปฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ตามสำเนาหมายนัดที่แนบท้ายคำแถลง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้แถลงยังมิได้ถูกถอนตัวจากการเป็นทนายความจำเลยทั้งสองไม่รับหมายคืน และถือว่าจำเลยทั้งสองทราบนัดแล้ว
วันที่ 16 สิงหาคม 2534 นายณรงค์ วิชัยรัตน์ ทนายจำเลยที่ 1คนใหม่ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นอ้างว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับหมายนัดของศาลที่ให้ไปฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2และเจ้าหน้าที่ไม่เคยนำหมายนัดนั้นไปส่งหรือปิดไว้ ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่ทราบวันนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ดังกล่าว ขอให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวน และมีคำสั่งว่า การส่งหมายนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2เป็นการไม่ชอบ และขอให้ระงับการบังคับคดีไว้แทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาและคำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 2ให้จำเลย โดยทนายจำเลยทั้งสองเป็นผู้รับไว้แทน ถือว่าจำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว คดีไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ต่อไป แล้วมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนบ้านออกจากที่ดินของโจทก์ ข้อเท็จจริงได้ความตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 24 เมษายน2535 ว่า จำเลยที่ 2 ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ไปเรียบร้อยแล้ว คดีจึงไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาพิพากษาฎีกาของโจทก์อีกต่อไป ศาลฎีกาชอบที่จะจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแต่คดีนี้จะจำหน่ายคดีโดยให้คงคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไว้เป็นการไม่ชอบเพราะจะยังมีผลให้ดำเนินกระบวนพิจารณากันต่อไปอีกทั้ง ๆ ที่ได้มีการรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์เรียบร้อยแล้วและไม่มีประเด็นอื่นต้องวินิจฉัยอีก
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้จำหน่ายคดีนี้ออกเสียจากสารบบความ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share