คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3205/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 รู้แผนการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะมายิงผู้ตายโดยช่วยขับรถยนต์พาจำเลยที่ 2 ที่ 3 มายังโรงพยาบาลที่เกิดเหตุแล้วจอดรถรออยู่นอกโรงพยาบาล ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 250 เมตรจำเลยที่ 1 จึงไม่สามารถเห็นเหตุการณ์หรือให้ความช่วยเหลือจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในขณะยิงผู้ตายได้เพราะอยู่ห่างไกลและมีตึกบังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 แบ่งหน้าที่ในการฆ่าผู้ตายมาทำส่วนหนึ่งจึงไม่เป็นการร่วมในการกระทำผิดแต่เป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก่อนกระทำผิด จำเลยที่ 1 จึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนจำเลยที่ 2 ที่ 3 กระทำผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้จำเลยที่ 1 มิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาโดยตรง ศาลฎีกาก็วินิจฉัยได้เองเพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2531จำเลยทั้งสี่ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสินชัยหรือสุทินหรืออ้วน ชุมมี โดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อนจนถึงแก่ความตายเหตุเกิดที่ตำบลบางนายสี อำเภอตะกั่วป่า และตำบลรมณีย์อำเภอบางปะกง จังหวัดพังงา เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 4 ตามฟ้อง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงเชื่อว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3เป็นตัวการร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 รู้แผนการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 จะมายิงผู้ตาย โดยช่วยขับรถยนต์พาจำเลยที่ 2ที่ 3 มายังโรงพยาบาลที่เกิดเหตุแล้วจอดอยู่นอกโรงพยาบาลเพื่อรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 หลบหนี อันเป็นการช่วยเหลือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก่อนกระทำผิด จึงเป็นเพียงผู้สนับสนุนจำเลยที่ 2ที่ 3 กระทำผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะจำเลยที่ 2ที่ 3 ตระเตรียมอาวุธปืนมายิงผู้ตายโดยวางแผนมาล่วงหน้า จำเลยที่ 1จอดรถรอรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 250 เมตรจำเลยที่ 1 จึงไม่สามารถเห็นเหตุการณ์หรือให้ความช่วยเหลือจำเลยที่ 2 ที่ 3 ในขณะกระทำการยิงผู้ตายได้เพราะอยู่ห่างไกลและมีตึกบัง ถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 แบ่งหน้าที่ในการฆ่าผู้ตายมาทำส่วนหนึ่ง จึงไม่เป็นการร่วมในการกระทำผิด แม้จำเลยที่ 1มิได้ยกปัญหาข้อนี้ขึ้นฎีกาโดยตรง ศาลฎีกาวินิจฉัยได้เองเพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 86 วางโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share