คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1938/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นผู้กำหนดเงินค่า เอพี ดี ให้แก่จำเลยต่อเมื่อจำเลยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ไปจำหน่ายโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์หรือร้อยละของราคาสินค้าที่จำเลยสั่งซื้อ และโจทก์ส่งมอบแต่ละครั้ง เมื่อจำเลยยังไม่ได้สั่งสินค้าจากโจทก์ และโจทก์ยังไม่ได้ส่งมอบ เงินเอพี ดี ที่โจทก์จะกำหนดให้จำเลยก็ไม่มี การที่จำเลยทดรองจ่ายเงิน เอพี ดี ไป จึงเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปโดยพลการจำเลยย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาแก่โจทก์ โจทก์ให้สิทธิแก่จำเลยในการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ในเขตกรุงเทพมหานคร มีกำหนด 2 ปี เมื่อจำเลยกระทำการอันเป็นการผิดข้อตกลงจนโจทก์ต้องบอกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์แก่จำเลย และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยคืนสินค้าที่เหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งหมดให้แก่โจทก์ภายในกำหนด ทั้งจำเลยได้ทราบข้อความในหนังสือแล้ว จำเลยย่อมมีหน้าที่จะต้องคืนสินค้าให้แก่โจทก์ การที่จำเลยไม่คืนสินค้าแก่โจทก์โดยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานย่อมทำให้คุณภาพของสินค้าเสื่อมลงได้ จำเลยจึงต้องรับผิดในสินค้าเหล่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ติดต่อสั่งสินค้าจากโจทก์เพื่อไปจำหน่ายในกิจการของจำเลยหลายครั้ง เมื่อครบกำหนดชำระเงินจำเลยปฏิเสธไม่ชำระ รวมเป็นเงินค่าสินค้าที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์ทั้งสิ้น663,662.12 บาท โจทก์ได้ทวงถามแล้ว แต่จำเลยไม่ชำระ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการผิดนัดทำให้โจทก์เสียหาย โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวถึงวันฟ้องเป็นเงินค่าดอกเบี้ย 7,496.66 บาท ขอให้จำเลยชำระเงิน 671,158.78บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน663,662.12 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่มีหนี้ค้างชำระค่าสินค้าตามฟ้องโจทก์แต่อย่างใด จำเลยเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าตามฟ้องโจทก์โดยมีข้อตกลงว่าโจทก์เป็นผู้ส่งและกำหนดราคาสินค้าให้แก่จำเลยเป็นผู้จำหน่าย ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายสินค้าดังกล่าวอันได้แก่ค่าเอ พี ดีจำเลยจะเป็นผู้ออกทดรองล่วงหน้าไปก่อน โจทก์จะรับผิดใช้คืนให้แก่จำเลยโดยทยอยหักคืนเมื่อจำเลยขายสินค้าที่โจทก์จัดส่งให้เป็นคราว ๆ ไปพร้อมกับผลประโยชน์ของจำเลยอีกต่างหาก ต่อมาโจทก์ผิดสัญญาไม่ส่งสินค้าให้แก่จำเลย เป็นเหตุให้จำเลยเสียหายเพราะจำเลยได้จ่ายค่า เอ พี ดี ไปก่อนแล้ว ต่อมาโจทก์ผิดสัญญาอีกโดยไม่ส่งสินค้าให้แก่จำเลยตามข้อตกลงคงส่งสินค้าให้แก่จำเลยเท่าจำนวนตามฟ้องเท่านั้น จำเลยจึงทวงถามให้โจทก์ชำระค่า เอ พี ดีที่ค้างชำระพร้อมกับให้โจทก์รับสินค้าที่ยังคงเหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยคืนไป และขอหักกลบลบหนี้ค่าสินค้าของโจทก์ที่จำเลยขายไปแล้ว โจทก์เพิกเฉย ขอบังคับให้โจทก์ชำระเงินจำนวน413,301.83 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย และให้โจทก์รับสินค้าที่ยังเหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยคิดเป็นเงิน 257,383.96 บาท คืนไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่เคยตกลงให้จำเลยจ่ายเงินค่า เอ พี ดี แทนโจทก์ และไม่เคยรับว่าเป็นหนี้ค่า เอ พี ดีแก่จำเลยอยู่จำนวน 827,076.65 บาท จำเลยจะจ่ายเงินค่า เอ พี ดีไปจริงก็เป็นเรื่องความสมัครใจของจำเลยเอง โจทก์ไม่ต้องรับผิดใช้คืนแก่จำเลย โจทก์ไม่เคยผิดสัญญาส่งสินค้าให้แก่จำเลย เหตุที่โจทก์ระงับการส่งสินค้าให้แก่จำเลยเพราะจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าสินค้าให้แก่โจทก์ตามฟ้อง เมื่อจำเลยให้การรับว่าเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องก็ขอให้ยกฟ้องแย้ง และให้จำเลยชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 285,519.39 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นของโจทก์ให้ยก และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ชำระเงิน 163,414.53 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่จำเลย คำขออื่นของจำเลยให้ยก
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในประเด็นที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์จะต้องรับผิดชดใช้เงินค่าเอ พี ดี จำนวน 827,076.65 บาท ให้แก่จำเลยตามฟ้องแย้งหรือไม่นั้น โจทก์จำเลยนำสืบรับกันฟังได้ว่า เมื่อปี2526 และปี 2527 โจทก์ได้แต่งตั้งให้จำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ประเภทน้ำยาสระผมยี่ห้อ อะกรี และยาขับไล่แมลงยี่ห้อออฟ ในเขตกรุงเทพมหานคร ต่อมาในปี 2528 โจทก์กับจำเลยได้มีข้อขัดแย้งเกี่ยวด้วยเรื่องที่จำเลยนำสินค้าของโจทก์ทั้งสองประเภทดังกล่าวไปแลกเปลี่ยนกับสินค้าของผู้อื่นจากลูกค้าของจำเลยซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์ด้วย นับเป็นการผิดข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่โจทก์ไม่ต้องการให้จำเลยกระทำเช่นนั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตาม โจทก์จึงบอกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแก่จำเลยสำหรับเงินค่า เอ พี ดี จำนวน 827,076.65 บาท ที่จำเลยฟ้องแย้งเรียกร้องเอาแก่โจทก์ จากทางนำสืบของจำเลยเห็นได้ว่า โจทก์จะเป็นผู้กำหนดเงินค่า เอ พี ดี ให้แก่จำเลยก็ต่อเมื่อจำเลยสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ไปจำหน่ายโดยคิดเป็นเปอร์เซ็นต์หรือร้อยละของราคาสินค้าที่จำเลยสั่งซื้อและโจทก์ส่งมอบแต่ละครั้ง ฉะนั้นเมื่อจำเลยยังไม่ได้สั่งสินค้าจากโจทก์ และโจทก์ยังไม่ได้ส่งมอบ เงินค่าเอ พี ดี ที่โจทก์จะกำหนดให้จำเลยก็ไม่มี การที่จำเลยทดรองจ่ายเงินค่า เอ พี ดี ไปจำนวน 827,076.65 บาท จึงเป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปโดยพลการ เมื่อโจทก์ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวจำเลยย่อมไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องเอาแก่โจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าข้อตกลงในการประชุมระหว่างโจทก์กับจำเลยเมื่อวันที่ 27มีนาคม 2528 ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ว่า โจทก์ให้สิทธิแก่จำเลยในการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ยี่ห้อ อะกรี และออฟ ในเขตกรุงเทพมหานครแต่ผู้เดียว มีกำหนด 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2528ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2530 ราคาสินค้าทั้งสองประเภทดังกล่าวจะยังคงยืนราคาขายตามที่ตกลงกันจนกว่าจำเลยจะได้ผลตอบแทนคืนเป็นเงิน827,076.65 บาทแล้ว ราคาสินค้าก็จะเปลี่ยนไปใช้วิธีส่วนลด24 เปอร์เซ็นต์ ของราคาขายของโจทก์เท่ากับโจทก์ยอมรับว่าจำเลยได้ใช้จ่ายเงินเอ พี ดี ล่วงหน้าไปก่อนที่จะทำบันทึกข้อตกลงและโจทก์รับที่จะจ่ายเงินค่า เอ พี ดี ที่จำเลยทดรองจ่ายไปก่อนคืนให้แก่จำเลยโดยวิธีทยอยจ่ายตามจำนวนสินค้าทั้งสองประเภทที่จำเลยสั่งซื้อจากโจทก์ไปขายเป็นคราว ๆ จนกว่าจะครบจำนวนเงิน 827,076.65บาท นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าข้อตกลงตามบันทึกเอกสารหมาย ล.1 ดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะช่วยเหลือจำเลยเพื่อให้จำเลยคืนทุนจากการที่จำเลยได้จ่ายเงินค่า เอ พี ดี ไปโดยพลการดังที่นายฟรานซิสโก เอ๊ฟ เกอร์ร่า กรรมการผู้จัดการโจทก์คนใหม่เบิกความมากกว่าเป็นเรื่องที่โจทก์รับจะจ่ายคืนให้แก่จำเลยดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์รับผิดชดใช้เงินค่าเอ พี ดี ที่จำเลยจ่ายไปโดยพลการจำนวน 827,076.65 บาท แก่จำเลยตามฟ้องแย้ง โดยให้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปหักกับหนี้ที่จำเลยค้างชำระโจทก์ตามฟ้องจำนวน 663,662.12 บาท ออกก่อนคงเหลือยอดเงินที่โจทก์จะต้องชำระให้แก่จำเลยจำนวน 163,414.53 บาทนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีการูปคดีมีเหตุให้เชื่อได้ว่าโจทก์ต้องรับผิดชดใช้เงินค่า เอ พี ดี ให้แก่จำเลยเพียงจำนวน378,142.73 บาท ตามที่บันทึกไว้ในบันทึกข้อตกลง เมื่อนำเงินค่าเอ พี ดี จำนวนนี้ไปหักกับค่าสินค้าที่จำเลยรับว่าจำเลยยังค้างชำระโจทก์ตามฟ้องอยู่จำนวน 663,662.12 บาทออกแล้ว จำเลยจึงยังคงต้องรับผิดชดใช้เงินให้แก่โจทก์อีกจำนวน 285,519.39 บาทดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
ส่วนประเด็นตามฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์จะต้องรับสินค้าของโจทก์ที่เหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยจำนวน 257,383.96 บาทคืนไปจากจำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยกระทำการอันเป็นการผิดข้อตกลงจนโจทก์ต้องบอกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าน้ำยาสระผมยี่ห้อ อะกรี และน้ำยาขับไล่แมลงยี่ห้อ ออฟ แก่จำเลย และโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยคืนสินค้าดังกล่าวซึ่งเหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยทั้งหมดให้แก่โจทก์ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2529 ตามหนังสือบอกกล่าว ทั้งจำเลยได้ทราบข้อความในหนังสือนั้นแล้ว จำเลยย่อมมีหน้าที่ที่จะต้องคืนสินค้าดังกล่าวให้แก่โจทก์ การที่จำเลยไม่ยอมคืนโดยอ้างเหตุในฎีกาว่า ยังอยู่ในช่วงเวลาที่โจทก์กำหนดให้ส่งสินค้าและโจทก์กับจำเลยยังตกลงวิธีการสะสางหนี้ที่มีอยู่ต่อกันไม่เสร็จนั้น ไม่ใช่เหตุผลที่จำเลยจะยกขึ้นอ้างเพื่อที่จะได้คืนหรือยึดหน่วงสินค้านั้นไว้ได้ การที่จำเลยไม่คืนสินค้าแก่โจทก์โดยปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานย่อมทำให้คุณภาพของสินค้าเสื่อมลงได้ดังที่โจทก์กล่าวในคำแก้ฎีกา จำเลยจึงต้องรับผิดในสินค้าเหล่านั้นเอง จะนำยอดเงินค่าสินค้าจำนวน 257,383.96 บาท ที่เหลืออยู่ในความครอบครองของจำเลยมาหักกลบลบหนี้ที่จำเลยมีต่อโจทก์หาได้ไม่คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในประเด็นนี้ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 285,519.39 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

Share