คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1439/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เด็กหญิงม. อายุ 14 ปี รักใคร่ฉันชู้สาวกับจำเลยมาก่อนและสมัครใจไปกินอยู่หลับนอนกับจำเลยซึ่งยังไม่มีภรรยาที่บ้านญาติจำเลยเป็นเวลาประมาณ 1 เดือนเศษ และได้เสียกับจำเลยหลายครั้ง เมื่อบิดามารดาตามไปพบบอกให้เด็กหญิงม.ไปเรียนหนังสือต่อ เด็กหญิงม.ก็ยอมกลับบ้านโดยมีจำเลยติดตามมาด้วย มารดาจำเลยมาสู่ขอเด็กหญิงม.แต่ตกลงกับบิดาเด็กหญิงม.เรื่องค่าสินสอดกันไม่ได้การกระทำของจำเลยไม่เป็นพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277วรรคแรก, 317 วรรคสาม
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคแรก ลงโทษจำคุก 4 ปี ตามมาตรา 317 วรรคสามลงโทษจำคุก 5 ปี รวมโทษจำคุก 9 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณานำสืบยอมรับว่าเป็นผู้พาผู้เสียหายไป จึงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคแรก จำเลยอายุยังไม่เกินยี่สิบปีลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 กึ่งหนึ่ง แล้วจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามคงจำคุกจำเลย 1 ปี4 เดือน ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสามให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317 วรรคสามด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเด็กหญิงมณีรัตน์ดวงรัตน์ อายุ 14 ปีเศษรักใคร่ฉันชู้สาวกับจำเลยมาก่อน และสมัครใจไปอยู่กับจำเลยที่บ้านนายชูชาติซึ่งเป็นญาติจำเลยและเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถในตำบลไทยเจริญ อำเภอประคำ จังหวัดบุรีรัมย์เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน โดยในระหว่างนั้นเด็กหญิงมณีรัตน์ได้กินอยู่หลับนอนและร่วมประเวณีกับจำเลยโดยสมัครใจหลายครั้งจนกระทั่งบิดามารดาเด็กหญิงมณีรัตน์ตามไปพบและนำเด็กหญิงมณีรัตน์กลับบ้าน โดยบอกให้เด็กหญิงมณีรัตน์กลับบ้านเพื่อไปเรียนหนังสือต่อ เด็กหญิงมณีรัตน์รู้สึกไม่สบายใจในการอยู่อาศัยกับบิดามารดาเพราะบิดามารดาทะเลาะกันเป็นประจำ จำเลยไม่เคยมีภรรยามาก่อนเมื่อเด็กหญิงมณีรัตน์กลับบ้านแล้ว มารดาจำเลยได้มาเจรจาสู่ขอเด็กหญิงมณีรัตน์แต่ตกลงกันไม่ได้ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อมารดาเด็กหญิงมณีรัตน์ตามไปพบ และบอกให้เด็กหญิงมณีรัตน์กลับบ้านโดยอ้างเหตุที่ให้เด็กหญิงมณีรัตน์กลับบ้านว่า เพื่อให้กลับไปเรียนหนังสือต่อเด็กหญิงมณีรัตน์จึงยอมกลับบ้านโดยมีจำเลยติดตามมาด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กหญิงมณีรัตน์รักใคร่ฉันชู้สาวกับจำเลยมาก่อน และสมัครใจไปอยู่กินหลับนอนกับจำเลยที่บ้านญาติจำเลยเป็นเวลาประมาณ 1 เดือนเศษ และได้เสียกับจำเลยหลายครั้งทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีภรรยา จึงไม่เป็นการพาไปเพื่อการอนาจารการกระทำของจำเลยไม่เป็นการพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร อนึ่งเมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำผิดและอายุของจำเลย ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลฎีกาเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นพลเมืองดีต่อไป โดยให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้
พิพากษาแก้เป็นว่า โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share