คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1388/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์ว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อความในเอกสารหมาย จ.9ไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องเป็นดังที่จำเลยอุทธรณ์ และอุทธรณ์ต่อไปอีกว่า แต่โจทก์ไม่สามารถทำงานได้ตามนั้น จึงไม่มีสิทธิรับเงิน แม้จะเป็นอุทธรณ์เรื่องตีความเอกสาร แต่จำเลยก็ได้โต้เถียงข้อเท็จจริงว่าโจทก์ไม่มีสิทธิรับเงินค่าตอบแทนเพราะไม่สามารถทำงานตามข้อตกลงในเอกสารได้ อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางฟังมา เป็นอุทธรณ์ข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯมาตรา 54

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าผลประโยชน์ และค่าตอบแทนเป็นเงิน 1,261,000 บาท ค่าจ้าง 30,000 บาท ค่าชดเชย 90,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยจ้างโจทก์ให้ทำงานและจัดการในงานเฉพาะเป็นโครงการ 2 โครงการ ไม่ใช่จ้างประจำ จำเลยจ่ายค่าจ้างให้โจทก์ครบแล้ว จำเลยไม่ได้ให้โจทก์ออกจากงาน ไม่ใช่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม โจทก์ไม่เสียหาย โจทก์ได้ลาออกจากงานเองเพราะงานโครงการได้สิ้นสุดแล้วและโจทก์ได้ทุจริตต่อหน้าที่ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 176,188 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 15 เมษายน2535) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า โจทก์มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนในการถมดินจำนวน176,188 บาท จากจำเลยหรือไม่ ปัญหาข้อนี้จำเลยอุทธรณ์สรุปได้ใจความว่า ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยข้อความในเอกสารหมาย จ.9ไม่ถูกต้องกล่าวคือ ข้อความในเอกสารหมาย จ.9 ที่ว่า “บุญลือ(หมายถึงโจทก์) จัดงานพวกรถให้เข้ากับงานของจูเลียม โดยจูเลียมเป็นเจ้าของงาน เป็นงาน ขุด ขน คิวละ 12 หรือ 13 บาทให้รถทำงานคิวละ 10 บาท บุญลือ (หมายถึงโจทก์) แบ่งไว้ 1 บาทต่อคิว รีบติดต่อจูเลียมและรีบดำเนินการโดยเร็ว” นั้นหมายความว่า จำเลยให้โจทก์ไปจัดหารถขนจากบุคคลภายนอกมาให้เข้ากับจูเลียม ช่วยจูเลียม โดยจูเลียมเป็นเจ้าของงานหากทำได้เช่นนี้ ให้โจทก์หักไว้เป็นประโยชน์ตอบแทนของโจทก์คิวละ 1 บาท แต่ปรากฏว่าโจทก์ไม่สามารถทำได้เช่นนั้น สัญญาตามเอกสารหมาย จ.9 จึงไม่มีผลผูกพันจำเลย โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินจำนวนนั้น เห็นว่า แม้จำเลยจะอุทธรณ์ในเรื่องการตีความเอกสารหมาย จ.9 แต่จำเลยได้โต้เถียงข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนจำนวนนี้ เพราะโจทก์ไม่สามารถทำตามข้อตกลงในเอกสารหมาย จ.9 ได้ อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังข้อเท็จจริงมาว่า งานนี้สำเร็จลงได้โดยโจทก์เป็นผู้ติดต่อหาคนมาทำโดยจำเลยตกลงกับโจทก์ว่าให้โจทก์หักเงินได้ลูกบาศก์เมตรละ 1 บาท และในการจ่ายเงินจำเลยก็ได้หักเงินค่าจ้างไว้ลูกบาศก์เมตรละ 2 บาท โจทก์จึงชอบที่จะได้ส่วนแบ่งนี้ 1 บาท ตามที่จำเลยตกลงจะให้แก่โจทก์ อุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่า คำพิพากษาของศาลแรงงานกลางจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share