คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้ทั่วราชอาณาจักร ใช้อำนาจในตำแหน่งแกล้งกล่าวหาผู้เสียหายว่ากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ โดยผู้เสียหายมิได้กระทำผิด จำเลยกล่าวหาเช่นนั้นเพื่อมิให้ผู้เสียหายขัดขวางในการที่จำเลยกับพวกยึดเอาเลื่อยยนต์ของผู้เสียหายไป การกระทำของจำเลยถือว่าเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้ยอมมอบทรัพย์สินของผู้เสียหายให้แก่จำเลยกับพวกนั่นเอง จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148,157, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148, 83 วางโทษจำคุก 5 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจำคุก 3 ปี ข้อหาอื่นให้ยกนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่า ในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 11 นาฬิกา ขณะที่นายลาเต๊ะผู้เสียหายกำลังเลื่อยไม้ขี้เหล็กป่าที่ขึ้นอยู่ในที่ดินมี น.ส.3 ของตนเอง ซึ่งมีสิทธิกระทำได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้ร่วมกับพวกอีก 1 คน แกล้งกล่าวหาว่า ผู้เสียหายกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ แล้วจำเลยกับพวกได้ยึดเอาเลื่อยยนต์ของผู้เสียหายที่ใช้เลื่อยไม้ดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวหรือผู้อื่นโดยทุจริต มีปัญหาข้อกฎหมายที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวนั้นเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 หรือไม่ องค์ประกอบความผิดของมาตรา 148 นั้น ในส่วนของการกระทำได้แก่ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจผู้อื่น ผู้กระทำเป็นเจ้าพนักงานมีเจตนาพิเศษเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น อันมีความหมายว่าการใช้อำนาจต้องใช้ในตำแหน่ง ถ้าใช้นอกตำแหน่งก็ไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้เมื่อได้มีการใช้อำนาจในตำแหน่งแล้ว แต่เป็นการใช้โดยมิชอบ จึงอยู่ในความหมายของมาตรานี้ กรณีในคดีนี้ปรากฏว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีอำนาจหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายได้ทั่วราชอาณาจักร ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งแกล้งกล่าวหาว่าผู้เสียหายกระทำความผิดต่อกฎหมายคือพระราชบัญญัติป่าไม้แต่ความจริงผู้เสียหายมิได้กระทำผิดต่อกฎหมายแต่อย่างใด การที่จำเลยกล่าวหาผู้เสียหายเช่นนั้น ก็เพื่อมิให้ผู้เสียหายขัดขวางในการที่จำเลยกับพวกยึดเอาเลื่อยยนต์ของผู้เสียหายไป การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการข่มขืนใจผู้เสียหายให้ยอมมอบเลื่อยยนต์อันเป็นทรัพย์สินของผู้เสียหายให้แก่จำเลยกับพวกนั่นเอง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 148ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 ประกอบมาตรา 83 ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share