คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 749/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งสิทธิเหนือพื้นดินอันเป็นทรัพยสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและมิได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่บริบูรณ์ โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้โจทก์เพื่อให้เป็นทรัพยสิทธิที่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1299 วรรคแรก หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิอาศัยเหนือพื้นดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร โดยให้โจทก์มีสิทธิอาศัยตลอดชีวิตของโจทก์ตลอดถึงลูกหลานเหลนลื้อของโจทก์หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า กรมการศาสนาเป็นผู้จัดการดูแลผลประโยชน์ของจำเลย เมื่อ พ.ศ. 2504 โจทก์ได้เข้ามาปลูกบ้าน 1 หลัง และห้องแถว 8 ห้อง ในที่ดินของจำเลยโดยอ้างว่าเช่าจากพระสุวรรณเมธีโจทก์ไม่ได้เช่าจากจำเลยหรือกรมการศาสนา หนังสือสัญญาตามสำเนาเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 เป็นเอกสารปลอม โดยโจทก์กับพวกร่วมกันทำปลอม ต่อมากรมการศาสนาได้ตกลงให้โจทก์เช่าเฉพาะที่ดินของจำเลยเนื้อที่ 100 ตารางวา ที่โจทก์ปลูกบ้าน ส่วนเนื้อที่อีกประมาณ112 ตารางวา ที่โจทก์ใช้ปลูกห้องแถวนั้น จำเลยไม่ให้โจทก์เช่าและเมื่อโจทก์ไม่รื้อห้องแถวออกไปจากที่ดิน จำเลยจึงได้ฟ้องให้รื้อถอนและขับไล่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้วและให้งดสืบพยานโจทก์จำเลย
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยตามประเด็นข้อพิพาทต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ จำเลย และวินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิตามสัญญาและคำขอท้ายฟ้องชอบหรือไม่นั้น เห็นว่า โจทก์ฟ้องอ้างว่า จำเลยทำหนังสือสัญญาตกลงยอมให้โจทก์ปลูกสร้างบ้านและห้องแถวในที่ดินของจำเลยอยู่อาศัยตลอดชีวิตของโจทก์และลูกหลานเหลนลื้อของโจทก์ และตกลงจะไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้โจทก์ตามกฎหมาย แต่ต่อมาไม่ได้มีการจดทะเบียนสิทธิดังกล่าว ดังนี้หากข้อเท็จจริงได้ความดังที่โจทก์กล่าวอ้าง ข้อตกลงดังกล่าวย่อมเป็นบุคคลสิทธิซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะปลูกสร้างบ้านและห้องแถวในที่ดินของจำเลยได้ตามข้อตกลงแต่เนื่องจากข้อกล่าวอ้างของโจทก์เป็นการกล่าวอ้างการได้มาโดยนิติกรรมซึ่งสิทธิเหนือพื้นดิน อันเป็นทรัพยสิทธิเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไม่ได้ทำเป็นหนังสือและมิได้จดทะเบียนการได้มากับพนักงานเจ้าหน้าที่ จึงไม่บริบูรณ์ โจทก์จะฟ้องบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนสิทธิเหนือพื้นดินให้โจทก์เพื่อให้เป็นทรัพยสิทธิที่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299วรรคแรก หาได้ไม่
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share