คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้สั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท ให้จำเลยรื้อถอนหลักไม้แก่นที่ปักไว้ในที่ดินของโจทก์ออกไป ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยอันมีลักษณะเป็นการเถียงกรรมสิทธิ์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท คดีจึงอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 15 และมาตรา 22(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง และให้จำเลยรื้อถอนหลักไม้แก่นที่ปักล้อมที่ดินพิพาททางด้านทิศเหนือออกไป
จำเลยให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ได้มาโดยมารดาจำเลยยกให้ ได้แจ้งการครอบครองไว้ จำเลยได้ครอบครองที่ดินพิพาทด้วยเจตนาเป็นเจ้าของและโดยเปิดเผยตลอดมา จำเลยได้เข้าถากถาง ที่ดินพิพาท โจทก์เคยฟ้องจำเลยหาว่าบุกรุกแต่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ที่ดินพิพาทมิใช่ของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยรื้อหลักไม้แก่นที่ปักในที่ดินพิพาทออกไป ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ยกฟ้องโจทก์ ที่ฟ้องไม่ถูกศาลเสียด้วย แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีไปฟ้องยังศาลที่มีอำนาจต่อไปภายใต้บังคับแห่งบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยอายุความ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์ว่าศาลชั้นต้นที่เป็นศาลแขวงมีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้สั่งว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้จำเลยรื้อถอนหลักไม้แก่นที่ปักไว้ในที่ดินของโจทก์ออกไป ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยอันมีลักษณะเป็นการเถียงกรรมสิทธิ์จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ เมื่อคดีนี้มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 10,000 บาท คดีจึงอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 15 และมาตรา 22 (4) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษายกคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

Share