คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บทบัญญัติในมาตรา 7 แห่ง พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการพ.ศ. 2530 มิใช่บทยกเว้นหลักการในการขอรับชำระหนี้ตามกฎหมายล้มละลาย แต่เป็นบทบัญญัติถึงความสมบูรณ์แห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการและการตั้งอนุญาโตตุลาการว่าไม่เสียไปแม้ภายหลังคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเท่านั้น ฉะนั้น แม้อนุญาโตตุลาการจะมีคำชี้ขาดให้จำเลยชำระหนี้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องก็จะยกมาเป็นเหตุอ้างขอรับชำระหนี้ภายใน 2 เดือน นับจากวันที่อนุญาโตตุลาการชี้ขาดโดยอนุโลมตาม พระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 93 หาได้ไม่ เพราะผู้ร้องไม่ใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีที่ค้างพิจารณาแทนลูกหนี้และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แพ้คดี เมื่อผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้หลังจากพ้นกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงชอบที่จะไม่รับคำขอของผู้ร้อง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ แต่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งไม่รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง เพราะผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้เกินกำหนดเวลาตามมาตรา 91 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบ และมีคำสั่งให้รับคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องไว้พิจารณา
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ผู้ร้องทำสัญญาจ้างเหมาจำเลยก่อสร้างอาคาร ผู้ร้องกับจำเลยพิพาทกันในเรื่องงานตามสัญญาจ้างดังกล่าวจึงเสนอข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดตามเงื่อนไขแห่งสัญญาจ้างเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2527 ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2530 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ประกาศโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้ว ผู้ร้องมิได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด 2 เดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2531 อนุญาโตตุลาการได้มีหนังสือถึงเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยให้เข้ามาดำเนินคดีแทนเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปฏิเสธไม่เข้าว่าคดีแทนจำเลย เพราะผู้ร้องไม่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนด จึงไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยวันที่ 14 กรกฎาคม 2532 อนุญาโตตุลาการได้มีคำสั่งชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างผู้ร้องกับจำเลย และวันที่ 11กันยายน 2532 ผู้ร้องได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของจำเลยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ปฏิเสธการขอรับชำระหนี้ มีปัญหาว่าผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดหรือไม่ ผู้ร้องฎีกาว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการมีผลผูกพันจำเลยและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้ต้องปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการพ.ศ. 2530 มาตรา 7 บัญญัติว่า ความสมบูรณ์แห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการและการตั้งอนุญาโตตุลาการย่อมไม่เสียไป แม้ในภายหลังคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และมาตรา 36 บัญญัติรับรองสัญญาอนุญาโตตุลาการและการตั้งอนุญาโตตุลาการที่มีก่อนวันที่พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 ใช้บังคับให้มีผลใช้ได้ต่อไป ฉะนั้น การที่ผู้ร้องนำมูลหนี้ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการมาขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายใน 2 เดือน นับแต่วันที่อนุญาโตตุลาการชี้ขาด โดยอนุโลมตามมาตรา 93 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 อันเป็นบทกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่งโดยถือวันที่อนุญาโตตุลาการชี้ขาดเป็นคดีถึงที่สุด จึงชอบที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะรับคำขอรับชำระหนี้ไว้พิจารณา
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 93 เป็นบทบัญญัติให้เฉพาะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีที่ค้างพิจารณาแทนลูกหนี้และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แพ้คดี มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ภายใน 2เดือน นับจากวันคดีถึงที่สุด สำหรับผู้ร้องมิใช่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามบทบัญญัติดังกล่าว ส่วนบทบัญญัติในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติ อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2530 นั้น มิใช่บทยกเว้นหลักการในการขอรับชำระหนี้ตามกฎหมายล้มละลาย แต่เป็นบทบัญญัติถึงความสมบูรณ์แห่งสัญญาอนุญาโตตุลาการและการตั้งอนุญาโตตุลาการว่าไม่เสียไปแม้ภายหลังคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดเท่านั้น ฉะนั้น แม้อนุญาโตตุลาการจะมีคำชี้ขาดให้จำเลยชำระหนี้แก่ผู้ร้อง ผู้ร้องก็จะยกมาเป็นเหตุอ้างขอรับชำระหนี้ภายใน2 เดือน นับจากวันที่อนุญาโตตุลาการชี้ขาดโดยอนุโลมตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 93 หาได้ไม่ เมื่อผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้หลังจากพ้นกำหนด 2 เดือน นับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงชอบที่จะไม่รับคำขอของผู้ร้อง
พิพากษายืน

Share