แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถูกสลากกินรวบแล้วไปเอาเงินที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้ามือ แต่ผู้เสียหายไม่ให้ จำเลยกับพวกตามไปพบผู้เสียหายแล้วพาผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วยกัน จำเลยได้ให้ผู้เสียหายเขียนหนังสือถึงภริยาให้จ่ายเงินแก่ผู้ถือและได้ให้ผู้เสียหายทำสัญญากู้เงินจำเลยตามจำนวนที่ถูกสลากกินรวบไว้แล้วให้ผู้เสียหายกลับไป ดังนี้ เจตนาของจำเลยเป็นเพียงแต่จะทวงเอาเงินซึ่งจำเลยเชื่อว่าควรจะได้ เงินประเภทนี้จึงไม่ใช่สินไถ่หรือค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 313 การกรทะำของจำเลยขาดเจตนาเพื่อค่าไถ่อันเป็นองค์ความผิดประการสำคัญตามมาตรานี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานจับคนเพื่อค่าไถ่ตามมาตรา 313
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์เรียกค่าไถ่กรรโชกทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพและทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๔๕,๓๐๙,๓๑๓,๓๑๖,๓๓๗,๓๔๐
คดีมีปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะปัญหาว่า การกระทำของจำเลยมีความผิดฐานจับคนเพื่อค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๓, ๓๑๖ หรือไม่
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยถูกสลากกินรวบแล้วไปเอาเงินที่นายจรูญผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้ามือ แต่นายจรูญไม่ให้ จำเลยกับพวกตามไปพบนายจรูญแล้วดึงแขนนายจรูญขึ้น ๓ ล้อไปด้วย และได้แย่งเอาปืนของนายจรูญและชก่ทำร้ายนายจรูญปากแตกแล้วพาไปที่สวนกล้วย จำเลยบอกให้จ่ายเงินที่ถูกสลากกินราบ ๑๕,๐๐๐ บาท และว่าถ้าไม่มีก็เขียนหนังสือไปเอาที่บ้านนายจรูญก็เขียนหนังสือถึงภริยาให้จ่ายเงินแก่ผู้ถือหนังสือ แล้วจำเลยกับนายจรูญก็ขึ้นรถยนต์ไปพูนกันที่ป่าไผ่และได้พากันไปที่บ้านร้อยตรีชุมพล ผลที่สุดนายจรูญตกลงทำสัญญากู้เงินจำเลยตามจำนวนที่ถูกสลากกินรวบ แต่หักค่าปืนที่พวกของจำเลยเอาไปเสีย ๒,๐๐๐ บาท คงทำสัญญากู้เพียง ๑๓,๐๐๐ บาท เสร็จแล้วก็พากันกลับ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ถึงแม้การติดตามทวงถามเอาเงินในกรณีนี้จะมีลักษณะรุนแรงเลยไปบ้าง เจตนาของจำเลยก็เพียงแต่จะพวงเอาเงินซึ่งจำเลยเชื่อว่าควรจะได้ เงินประเภทนี้จึงไม่ใช่สินไถ่หรือค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๓ การกระทำของจำเลยขาดเจตนาเพื่อค่าไถ่อันเป็นองค์ความผิดประการสำคัญ ตามมาตรานี้ ส่วนความผิดฐานอื่นไม่มีประเด็นมาสู่ศาลฎีกา” พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์