แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การรอการลงโทษเป็นการใช้ดุลพินิจของศาลซึ่งเป็นเหตุในลักษณะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 มีผลถึงจำเลยอื่นซึ่งไม่ได้อุทธรณ์ด้วย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองนี้ร่วมกันมีเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 จำนวน 1 หลอด น้ำหนัก 0.02 กรัมไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 67พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522ลงวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2522 ข้อ 1(1)
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 15, 67พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2528 มาตรา 4ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522ลงวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2522 ข้อ 1(1) จำคุกคนละ 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับว่ามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองมีกำหนด 2 ปี และคุมประพฤติโดยให้จำเลยทั้งสองไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติจังหวัดนครปฐมเดือนละ 1 ครั้งมีกำหนด 1 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การรอการลงโทษคดีนี้เป็นการใช้ดุลพินิจของศาลเกี่ยวกับสภาพแห่งความผิดของจำเลยว่า การกระทำผิดของจำเลยไม่ร้ายแรงและเฮโรอีนของกลางมีจำนวนเล็กน้อย จึงมีเหตุอันควรรอการลงโทษซึ่งถือได้ว่าเหตุในการรอการลงโทษดังกล่าวเป็นเหตุในลักษณะคดี ทั้งการรอการลงโทษก็เป็นกรณีซึ่งศาลเห็นว่ายังไม่ควรลงโทษจำเลยอันต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษาให้รอการลงโทษตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้อุทธรณ์ด้วยได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน