คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5964/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานเบียดบังเอาไว้เป็นของตนหรือของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ต้องเป็นทรัพย์ที่เจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษา แต่เมื่อเงินที่จำเลยยักยอกเอาไปใช้ส่วนตัวเป็นเงินค่าบำรุงที่เจ้าภาพงานศพมาใช้ฌาปนสถานมอบให้แก่จำเลยเพื่อเก็บส่งเป็นสวัสดิการต่อกรมตำรวจ หาใช่เงินของทางราชการหรือของรัฐบาลที่จำเลยผู้เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาแต่อย่างใดไม่ จึงลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 ไม่ได้ แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความกันได้ เมื่อผู้เสียหายมิได้ร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดคดีจึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,157, 91
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดรวม33 กรรม จำคุกกระทงละ 5 ปี ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดรวมจำคุก165 ปี จำเลยรับสารภาพในชั้นพนักงานตรวจเงินแผ่นดินและนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 เหลือโทษจำคุก 110 ปี แต่คงให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาต่อไปมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ ข้อที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเบียดบังทรัพย์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 นั้นข้อเท็จจริงได้ความจากพันตำรวจโทวิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล และนางมยุรีว่าเงินรายได้ฌาปนสถานที่จำเลยไม่ได้ส่งกรมตำรวจตามที่โจทก์กล่าวหาทั้งหมดนี้ เป็นเงินนอกงบประมาณไม่ใช่เงินรายได้ของแผ่นดิน แต่ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 นั้น ทรัพย์ที่เจ้าพนักงานเบียดบังเอาไว้เป็นของตนหรือของผู้อื่นต้องเป็นทรัพย์ที่เจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการหรือรักษา แต่ในคดีนี้เงินที่จำเลยยักยอกเอาไปใช้ส่วนตัวเป็นเงินค่าบำรุงที่เจ้าภาพงานศพมาใช้ฌาปนสถานมอบให้แก่จำเลยเพื่อเก็บส่งเป็นเงินสวัสดิการต่อกรมตำรวจเท่านั้น หาใช่เงินของทางราชการหรือของรัฐบาลที่จำเลยผู้เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการหรือรักษาแต่อย่างใดไม่ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรานี้จึงจะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ไม่ได้แต่ศาลฎีกามีความเห็นต่อไปว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352แต่ความผิดในมาตรานี้เป็นความผิดอันยอมความกันได้ ซึ่งผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์ภายในสามเดือนนับแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีนี้ได้ความว่าผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมตำรวจรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2528 ตามเอกสารหมาย ป.จ.1 แต่พันตำรวจโทวิโรจน์ สัตยสัณห์สกุล เพิ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับการกองสวัสดิการกรมตำรวจ ให้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่18 มีนาคม 2530 ตามเอกสารหมาย จ.1 การร้องทุกข์ซึ่งจะต้องดำเนินการตั้งแต่รับคำสั่งจึงเกิน 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว คดีจึงขาดอายุความแม้จำเลยไม่ได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นพิจารณาได้เอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share