คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4874/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทที่ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่ซึ่งคู่ความได้สละแล้ว คงเหลือประเด็นค่าเสียหายเท่านั้น แม้ศาลจะอนุญาตก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไปจึงไม่เป็นสาระแก่คดี ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้แก้ไขคำให้การชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นมารดาของนายสมเกียรติ ตรีกนกพันธ์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 เป็นบิดามารดาและผู้ดูแลปกครองจำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2526 จำเลยที่ 1กับพวกได้เข้าทำร้ายนายสมเกียรติได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา จำเลยที่ 1 ผู้ทำละเมิดขณะเกิดเหตุอายุ 18 ปีอยู่ในความปกครองดูแลของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และจำเลยที่ 2 ที่ 3ในฐานะบิดามารดาของจำเลยที่ 1 ต้องใช้ความระมัดระวังดูแลมิให้บุตรก่อความเสียหายแก่บุคคลอื่นจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงินจำนวน 655,200 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ จำเลยที่ 1เป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบตนเองแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทั้งจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำละเมิดต่อนายสมเกียรติผู้ตาย ค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายที่โจทก์ฟ้องสูงเกินไป ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นทำการชี้สองสถานและกำหนดประเด็นข้อพิพาทแล้วต่อมามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อรอฟังผลคดีส่วนอาญา เมื่อคดีอาญา ศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาต่อไป
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ยื่นคำร้องขออนุญาตแก้ไขคำให้การ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำร้องขอแก้ไขคำให้การจำเลยที่ 2 ที่ 3อ้างเหตุผลเพิ่มเติมข้อต่อสู้ในคำให้การเดิมว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3มิใช่บิดามารดาของจำเลยที่ 1 ในขณะเกิดเหตุคดีนี้ เพราะนายเนตรโพธิรุ่ง ได้จดทะเบียนรับจำเลยที่ 1 เป็นบุตรบุญธรรมก่อนเกิดเหตุคดีนี้แล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงไม่ใช่ผู้แทนโดยชอบธรรมในฐานะผู้ใช้อำนาจปกครองจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้เยาว์ในขณะเกิดเหตุคดีนี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ที่ 3 เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทข้อ 3. ว่า “จำเลยที่ 2 ที่ 3ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่” ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 22 มกราคม 2529 ว่า”คู่ความแถลงขอให้รอฟังผลคดีอาญาจนถึงที่สุดโดยจำเลยที่ 2 ที่ 3ยอมรับผลของคดีอาญาดังกล่าวเมื่อถึงที่สุด คดีมีประเด็นเรื่องค่าเสียหายเท่านั้น” ดังนี้คำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยที่ 2ที่ 3 จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทข้อ 3. ซึ่งคู่ความได้สละประเด็นไปแล้ว คงเหลือประเด็นเรื่องค่าเสียหายเท่านั้นแม้ศาลจะอนุญาตให้แก้ไขคำให้การก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเกี่ยวกับประเด็นข้อพิพาทข้อ 3. และข้ออื่น ๆ เว้นแต่เรื่องค่าเสียหายเปลี่ยนแปลงไปคำร้องขอแก้ไขคำให้การของจำเลยที่ 2 ที่ 3 จึงไม่เป็นสาระแก่คดี ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รับคำร้องขอแก้ไขคำให้การจำเลยที่ 2ที่ 3 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาจำเลยที่ 2 ที่ 3ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share