คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4736/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจบริหารสูงสุดของจำเลยในเรื่องที่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ของโจทก์ ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยชอบและโจทก์ก็มิได้ทำงานกับจำเลยจนเกษียณอายุโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องสิทธิประโยชน์ในเรื่องบัตรโดยสารเครื่องบิน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลย ต่อมาวันที่ 1 กุมภาพันธ์2526 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ อ้างว่าโจทก์ร่วมกับนายบุญสร้าง เจียมปรีชา และร้อยเอกวีระศักดิ์ แดงประเสริฐซึ่งได้รับแต่งตั้งจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของจำเลยให้เป็นกรรมการพิจารณาคัดเลือกผู้ที่ขอร่วมดำเนินการรถรับส่งผู้โดยสารโจทก์ได้มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจในการจัดดำเนินการให้กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ทำสัญญาในนามจำเลยกับนายสมาน ศรีศุภผล โดยนายสุเมธ ศรีศุภผล ผู้รับมอบอำนาจซึ่งภายหลังได้จดทะเบียนเป็นบริษัทซิเซโรเน คอมเมอร์เชียล จำกัด คือ 1. โจทก์รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาว่าบริษัทซิเซโรเน คอมเมอร์เชียล จำกัดมีประสบการณ์ด้านบริหารแท็กซี่โรงแรมมาแล้ว โดยความจริงบริษัทดังกล่าวยังไม่ได้จัดตั้งขึ้นและยังไม่มีประสบการณ์2. โจทก์รวบรัดจัดเสนอให้จำเลยทำสัญญาโดยไม่ปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการจ้าง ซึ่งต้องประกวดราคาหรือจ้างโดยวิธีพิเศษ3. กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ของจำเลยทำสัญญากับนายสมาน ศรีศุภผลโดยเข้าใจว่าเป็นบริษัทจำกัด ครั้นจำเลยจะเลิกสัญญา บริษัทซิเซโรเน คอมเมอร์เชียล จำกัด ก็จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยจำเลยจึงไม่อาจเลิกสัญญาได้ ทำให้เกิดความเสียหายแก่จำเลย4. โจทก์รู้จักกับผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัทซิเซโรเน คอมเมอร์เชียล จำกัด มาก่อน และโจทก์มีผลประโยชน์ในบริษัทดังกล่าว จึงได้จัดทำสัญญาโดยไม่บริสุทธิ์ใจ ปราศจากความเที่ยงธรรม และ 5. โจทก์ร่วมพิจารณาร่างสัญญาที่หละหลวมผิดวิสัยพนักงานระดับผู้อำนวยการ นอกจากนั้นขณะทำสัญญาก็ไม่มีสัญญาค้ำประกันของธนาคาร การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ดังกล่าวมานั้น จำเลยไม่ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดของโจทก์เพื่อลงโทษทางวินัยตามระเบียบเหตุเลิกจ้างตามที่จำเลยกล่าวอ้างเลิกจ้างโจทก์มาดังกล่าวไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ได้ตั้งกรรมการสอบสวนตามระเบียบไม่ปรากฏเหตุแห่งความผิด เป็นการเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง และจำเลยเลิกจ้างโดยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้าการที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ก่อนเกษียณอายุทำให้โจทก์เสียหายและเสียสิทธิประโยชน์ที่จำเลยได้ให้แก่พนักงานที่เกษียณอายุและครอบครัวโดยสารเครื่องบินของจำเลยโดยไม่เสียค่าโดยสารปีละ 2 ครั้ง ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินสองรายการดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จกับให้จำเลยให้สิทธิประโยชน์แก่โจทก์และครอบครัวที่จะโดยสารเครื่องบินของจำเลยโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารปีละ 2 ครั้ง ด้วย
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้จำเลยให้สิทธิโดยสารเครื่องบินแก่โจทก์และครอบครัว เพราะตามระเบียบของจำเลยกำหนดไว้ว่าเป็นการให้ จำเลยมีสิทธิจะยกเลิกเรียกคืนหรือระงับการใช้บัตรโดยสารนั้นเป็นการชั่วคราวหรือตลอดไปเมื่อใดก็ได้ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ส่วนที่โจทก์อุทธรณ์เป็นข้อสุดท้ายว่า โจทก์มีสิทธิได้รับสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและบัตรโดยสารเครื่องบินสำหรับโจทก์และครอบครัวถ้าโจทก์ได้ทำงานต่อไปจนเกษียณอายุนั้นเห็นว่า เมื่อศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์รายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งมีอำนาจบริหารสูงสุดของจำเลยในเรื่องที่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ของโจทก์ก็ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 583 จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้โดยชอบและโจทก์ก็มิได้ทำงานกับจำเลยจนเกษียณอายุ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องสิทธิประโยชน์ในเรื่องบัตรโดยสารเครื่องบินตามฟ้องได้
พิพากษายืน

Share