คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2738/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้วัตถุประสงค์ของโจทก์จะระบุเพียงว่า ทำการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ข้าวโพด โดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ทำการสั่งเข้าและส่งออกข้าวโพดก็ตามแต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ได้จดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน ข้าวโพด ณ สำนักงานมาตรฐานสินค้ากระทรวงพาณิชย์หลายครั้งย่อมฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดแล้ว ส่วนที่โจทก์อ้างว่ากรรมการของโจทก์ไปจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดเป็นการนอกเหนือวัตถุประสงค์ของโจทก์ไม่มีผลผูกพันโจทก์นั้น เมื่อโจทก์เป็นนิติบุคคล กิจการของโจทก์ต้องดำเนินการโดยกรรมการของโจทก์ โจทก์มิได้อุทธรณ์ว่ากรรมการของโจทก์ไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ เพียงแต่อ้างว่ากรรมการของโจทก์ทำการนอกเหนือวัตถุประสงค์ของโจทก์ จึงต้องฟังว่ากรรมการของโจทก์มีอำนาจทำการแทนโจทก์โดยชอบโจทก์จะอ้างว่ากรรมการของโจทก์ไปจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดนอกเหนือวัตถุประสงค์ไม่มีผลผูกพันโจทก์หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือแจ้งไปยังโจทก์อ้างว่าจากการตรวจสอบบัญชีของโจทก์ประจำปีพ.ศ. 2530 โจทก์ได้ซื้อข้าวโพดโดยมิได้หักภาษีเงินได้ไว้ ณ ที่จ่ายและนำส่งให้ถูกต้องครบถ้วน จึงได้ปรับปรุงบัญชีของโจทก์แล้วให้โจทก์นำเงินภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และนำส่งให้ถูกต้องครบถ้วนจึงได้ปรับปรุงบัญชีของโจทก์แล้วให้โจทก์นำเงินภาษีเงินได้หัก ณที่จ่ายเป็นจำนวนเงิน 1,514,002.55 บาท และเงินเพิ่มจำนวน780,617.42 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,294,619.97 บาท ไปชำระโจทก์เห็นว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินไม่ถูกต้องโจทก์จึงได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินเป็นการถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์เห็นว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ยังผิดพลาดคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะโจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ในการส่งออก ข้าวโพด และในรอบระยะเวลาบัญชี พ.ศ. 2530 นั้น โจทก์ไม่เคยส่งออกข้าวโพดไปขายยังต่างประเทศขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนการประเมิน และคำวินิจฉัยอุทธรณ์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า การทำการค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ข้าวโพดทุกอย่างรวมทั้งการส่งออกอยู่ในขอบวัตถุประสงค์ของโจทก์ และโจทก์ได้จดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออก ซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดไว้ต่อสำนักงานมาตรฐานสินค้ากระทรวงพาณิชย์ในการดำเนินกิจการค้าโจทก์ได้ซื้อ ขาย ส่งออกข้าวโพดในนามของโจทก์ จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 0.75 ของยอดเงินที่จ่ายแล้วนำส่งให้ถูกต้องตามคำสั่งกรมสรรพากรตามกฎหมาย ทั้งนี้ โดยไม่คำนึงว่าโจทก์จะส่งข้าวโพดไปขายยังต่างประเทศหรือไม่ และไม่ว่าโจทก์จะซื้อข้าวโพดเพื่อส่งออกหรือไม่ก็ตามขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าการประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบหรือไม่ โจทก์อุทธรณ์ว่าตามหนังสือรับรองของโจทก์เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 มิได้ระบุว่าโจทก์มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการส่งออก ข้าวโพด การที่โจทก์จดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2531 เป็นการกระทำของกรรมการโจทก์ที่ได้กระทำไปนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของโจทก์ แม้โจทก์มิได้ขอยกเลิกการจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขายออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดก็ตาม ก็ไม่มีผลผูกพันโจทก์เพราะโจทก์เป็นนิติบุคคลไม่สามารถรับรู้การกระทำที่นอกเหนือวัตถุประสงค์ของกรรมการโจทก์ได้นั้น เห็นว่าแม้วัตถุประสงค์ของโจทก์ข้อ (24) จะระบุเพียงว่าทำการค้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ข้าว ข้าวโพด โดยมิได้ระบุวัตถุประสงค์ทำการสั่งเข้าและส่งออกข้าวโพดดังที่โจทก์อุทธรณ์ก็ตาม แต่ปรากฏว่าโจทก์ได้จดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพด ณ สำนักงานมาตรฐานสินค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2531ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นการต่ออายุต่อจากปี 2529 และใช้ได้ถึงวันที่31 ธันวาคม 2531 ตามใบแทนใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 1แสดงว่าโจทก์ได้จดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดมาก่อนหน้านี้แล้ว และได้ขอต่อทะเบียนตลอดมาโดยมิได้ยกเลิก เพื่อทำการค้าเกี่ยวกับข้าวโพด ย่อมฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดแล้ว ส่วนที่โจทก์อ้างว่ากรรมการของโจทก์ไปจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออก ซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดเป็นการนอกเหนือวัตถุประสงค์ของโจทก์ ไม่มีผลผูกพันโจทก์นั้น เห็นว่า โจทก์เป็นนิติบุคคล กิจการของโจทก์ต้องดำเนินการโดยกรรมการของโจทก์ โจทก์มิได้อุทธรณ์ว่ากรรมการของโจทก์ไม่มีอำนาจทำการแทนโจทก์ เพียงแต่อ้างว่ากรรมการของโจทก์ทำการนอกเหนือวัตถุประสงค์ของโจทก์ จึงต้องฟังว่ากรรมการของโจทก์มีอำนาจทำการแทนโจทก์โดยชอบ และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพด ดังเหตุผลที่วินิจฉัยข้างต้นแล้วเช่นนี้ โจทก์จะอ้างว่ากรรมการของโจทก์ไปจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐานข้าวโพดนอกเหนือวัตถุประสงค์ ไม่มีผลผูกพันโจทก์หาได้ไม่ การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้วที่ศาลภาษีอากรกลางพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share