คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2349/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2535 ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย ปรากฏว่า เมื่อจำเลยยื่นอุทธรณ์ จำเลยได้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางไว้ต่อศาลแล้ว ส่วนเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ ก็ปรากฏว่าจำเลยได้นำเงินมาวางเป็นประกันไว้ต่อศาลแล้ว เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2535 โดยเป็นการวางเงินตามคำสั่งศาลชั้นต้น ซึ่งสั่งตามคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2535 จึงถือได้ว่าจำเลยได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 แล้ว ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและตึกแถวที่พิพาทกับใช้ค่าเสียหายเดือนละ 8,000 บาท ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากอาคารตึกแถว และส่งมอบตึกแถวดังกล่าวในสภาพเรียบร้อยแก่โจทก์ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะได้ขนย้ายทรัพย์สินออกไป และส่งมอบตึกแถวในสภาพเรียบร้อยแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ พร้อมกับนำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่โจทก์มาวางศาล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2535 ไม่รับอุทธรณ์อ้างว่าอุทธรณ์ของจำเลยทุกข้อเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย(ที่ถูกปัญหาข้อเท็จจริง) ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์
วันที่ 21 สิงหาคม 2535 จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2535 ให้จำเลยนำเงินเป็นประกันจำนวน105,000 บาท มาวางศาลภายใน 15 วัน โดยให้มาทราบคำสั่งในวันที่27 สิงหาคม 2535
วันที่ 10 กันยายน 2535 จำเลยนำเงินประกันค่าเสียหายจำนวน110,000 บาท มาวางต่อศาลซึ่งเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
วันที่ 18 กันยายน 2535 เจ้าพนักงานศาลรายงานว่า พ้นกำหนดระยะเวลาตามคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว จำเลยไม่ได้วางเงินหรือหาหลักประกันมาวางศาลชั้นต้นจึงส่งศาลอุทธรณ์เพื่อมีคำสั่ง
ศาลอุทธรณ์สั่งว่า จำเลยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234ก่อน จึงให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเป็นการชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อจำเลยยื่นอุทธรณ์จำเลยได้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางไว้ต่อศาลแล้ว ส่วนเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลนั้น ก็ปรากฏว่าจำเลยได้นำเงินจำนวน 110,000 บาท มาวางเป็นประกันไว้ต่อศาลแล้วเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2535 โดยเป็นการวางเงินตามคำสั่งศาลชั้นต้นซึ่งสั่งตามคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เมื่อวันที่2 กันยายน 2535 จึงถือได้ว่าจำเลยได้นำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 แล้วจึงชอบที่ศาลอุทธรณ์จะรับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยใหม่แล้วมีคำสั่งต่อไปตามรูปคดี

Share