คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายนั้นมีประเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัยเพียงว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องขอหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นที่ผู้คัดค้านยกขึ้นโต้เถียงว่าที่นา 2 แปลงที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตาย ผู้ตายได้ยกให้ผู้คัดค้านในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วนั้นศาลยังไม่อาจก้าวล่วงไปวินิจฉัยได้ ผู้คัดค้านชอบที่จะไปดำเนินคดีเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากคดีนี้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายแจ้ง รองเดช ผู้ตาย ขณะที่ถึงแก่ความตายมีทรัพย์มรดกเท่าที่ทราบตามบัญชีทรัพย์มรดกเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 3 ซึ่งมีราคาทั้งสิ้นประมาณ 120,000 บาท โดยไม่ได้ทำพินัยกรรมและมิได้ตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดกไว้ หลังจากผู้ตายถึงแก่ความตายแล้วผู้ร้องและทายาทอื่น ๆ ได้ไปติดต่อกับนายอำเภอเพื่อขอรับทรัพย์มรดกแต่นายอำเภอไม่จดทะเบียนนิติกรรมโอนทรัพย์มรดกให้อ้างว่าต้องให้ศาลมีคำสั่งตั้งผู้จัดการมรดกเสียก่อน ทำให้มีเหตุขัดข้องในการจัดการมรดก ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านเป็นบุตรของผู้ตายก่อนที่ผู้ตายจะถึงแก่ความตาย ผู้ตายได้แบ่งปันทรัพย์สินให้แก่ทายาทไปหมดแล้ว สำหรับที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 160 และ 242ที่ผู้ร้องอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตายนั้น ผู้ตายได้ยกให้แก่ผู้คัดค้านและนางแดง ชูแก้ว บุตรทั้งสองของผู้ตายแล้ว จึงไม่มีทรัพย์มรดกอื่นใดของผู้ตายที่ผู้ร้องจะขอจัดการมรดกต่อไปอีกขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ตั้งนายประเสริฐ รองเดชผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายแจ้ง รองเดช ผู้ตาย
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านมีว่า ผู้ตายมีทรัพย์มรดกที่จะตั้งผู้จัดการมรดกได้หรือไม่ ที่ผู้คัดค้านฎีกาอ้างเหตุว่า ที่ดินตาม ส.ค.1เลขที่ 160 และ 242 ตำบลเกาะเปียะ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรังผู้ตายได้ยกให้ผู้คัดค้านในระหว่างมีชีวิตอยู่โดยการส่งมอบการครอบครองผู้ตายจึงไม่มีทรัพย์มรดกที่จะตั้งผู้จัดการมรดกได้นั้นเห็นว่า ตามทางนำสืบของผู้ร้องได้ความว่า ขณะที่ผู้ตายมีชีวิตอยู่มีทรัพย์สินเป็นที่ดินหลายแปลง แต่ผู้ตายได้แบ่งแยกให้แก่บุตรผู้ตายไปบ้างแล้ว ยังคงเหลือทรัพย์มรดกเท่าที่ทราบในขณะนี้เป็นที่นา2 แปลง เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลเกาะเปียะอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ราคาประมาณ 120,000 บาท ปรากฏตามบัญชีทรัพย์มรดก เอกสารท้ายคำร้องหมายเลข 3 แสดงว่า ผู้ตายอาจมีทรัพย์อย่างอื่นอีก ซึ่งไม่ได้ระบุในบัญชีทรัพย์มรดก ไม่ใช่มีเฉพาะที่นาเพียง 2 แปลงเท่านั้น นอกจากนี้ประเด็นว่าผู้ตายมีทรัพย์มรดกหรือไม่ก็เป็นเรื่องระหว่างผู้ร้องกับศาล จึงมีเหตุที่จะตั้งผู้จัดการมรดกได้ สำหรับที่นา 2 แปลงดังกล่าวผู้ร้องอ้างว่าเป็นทรัพย์มรดกของผู้ตาย แต่ผู้คัดค้านโต้เถียงว่าเป็นทรัพย์ที่ผู้ตายได้ยกให้ผู้คัดค้านในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นกรณีโต้เถียงว่าที่นา 2 แปลงเป็นทรัพย์มรดกหรือไม่ แต่คดีนี้มีประเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัยเพียงว่าสมควรตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกตามคำร้องขอหรือไม่เท่านั้น ไม่อาจก้าวล่วงไปวินิจฉัยในประเด็นที่ผู้คัดค้านยกขึ้นโต้เถียงดังกล่าวได้ ผู้คัดค้านชอบที่จะไปดำเนินคดีเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากคดีนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share