คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1229/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 จำคุก 1 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะโทษเป็นให้ลงโทษปรับสถานเดียวจึงเป็นกรณีศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย ฎีกาของจำเลยที่ว่าไม่ได้กล่าวถ้อยคำตามที่โจทก์กล่าวหา และฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ข้อความที่จำเลยกล่าวต่อหน้าบุคคลอื่นว่า โจทก์จบด๊อกเตอร์ได้เพราะจำเลยเป็นผู้ส่งเสียทั้งหมด พอจบออกมาก็ไล่เตะลูกเมียทิ้งลูกทิ้งเมียไปหาเมียใหม่ เมียคนแรกถูกหลอกเกือบหมดแล้วคนที่สองถูกหลอกเกลี้ยงตัวเลย นั้น น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 จำคุก 1 เดือน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกรอไว้มีกำหนด 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ให้ลงโทษปรับ 500 บาท จำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก บัญญัติว่า “ในคดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างหรือเพียงแต่แก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับ แต่โทษจำคุกไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 จำคุก 1 เดือน ปรับ500 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะโทษเป็นให้ลงโทษปรับสถานเดียว จึงเป็นกรณีศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย ฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยไม่ได้กล่าวถ้อยคำตามที่โจทก์กล่าวหาก็ดี และฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยก็ดีจึงเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานและดุลพินิจในการลงโทษของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามบทกฎหมายข้างต้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์และของจำเลยในข้อนี้จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยนั้น จำเลยได้กล่าวถ้อยคำต่อหน้าบุคคลอื่นว่า โจทก์จบด๊อกเตอร์ ได้เพราะจำเลยเป็นผู้ส่งเสียทั้งหมดพอจบออกมาก็ไล่เตะลูกเมีย ทิ้งลูกทิ้งเมียไปหาเมียใหม่เมียคนแรกถูกหลอกเกือบหมดตัว คนที่สองถูกหลอกเกลี้ยงตัวเลยปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่าถ้อยคำของจำเลยดังกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ข้อความที่จำเลยพูดกับผู้อื่นดังกล่าว ย่อมทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าโจทก์เป็นคนเนรคุณ และเป็นคนไม่ดีน่าจะทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังได้แม้จำเลยกล่าวเพราะความหึงหวงโจทก์ซึ่งเป็นสามีของตนที่ไปอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่นเป็นภริยา แต่การกล่าวเช่นนั้นจำเลยมิได้กล่าวเพื่อป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมจำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาท
พิพากษายืน

Share