คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 430/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินที่จำเลยใช้อยู่อาศัยหรือทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวแม้ต่อมาจะตกเป็นของโจทก์ร่วม และจำเลยยอมรับว่าจะไม่รบกวนการเข้าทำประโยชน์โดยยอมรับเงินจากโจทก์ร่วมเป็นการตอบแทน การที่จำเลยยังคงอยู่อาศัยหรือทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวรวมทั้งขัดขวางมิให้โจทก์ร่วมเข้าทำประโยชน์ เป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้เท่านั้นเมื่อไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงว่าจำเลยพ้นจากการครอบครองที่ดินดังกล่าวไปอย่างเด็ดขาดแล้ว จึงกลับเข้าไปทำประโยชน์อีก การที่จำเลยเข้าไปปลูกต้นไม้จึงเป็นการกระทำต่อเนื่องจากที่เคยทำไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362,365, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาบริษัทบางนารีสอร์ท จำกัด ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) ประกอบด้วยมาตรา 362 ให้จำคุก5 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย 1 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ดินที่จำเลยเคยใช้อยู่อาศัยหรือทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว ต่อมาเมื่อที่ดินตกเป็นของโจทก์ร่วมแม้จำเลยยอมรับว่าจะไม่รบกวนการเข้าทำประโยชน์โดยยอมรับเงินจากโจทก์ร่วมเป็นการตอบแทน การที่จำเลยยังคงอยู่ในที่ดินทั้งสองแปลงนี้ก็ดี หรือการที่ยังคงทำประโยชน์ในที่ดินนั้น รวมทั้งขัดขวางมิให้โจทก์ร่วมเข้าทำประโยชน์ก็ดี เป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ทำไว้เท่านั้น การปลูกต้นไม้ในที่เกิดเหตุก็เป็นการทำประโยชน์ในที่ดินประการหนึ่ง เมื่อไม่มีข้อเท็จจริงที่แสดงว่าจำเลยพ้นจากการครอบครองที่ดินไปอย่างเด็ดขาดแล้วจึงกลับเข้าไปทำอีก การทำประโยชน์ในที่ดินจึงเป็นการกระทำต่อเนื่องจากที่เคยทำ การที่จำเลยเข้าไปปลูกต้นไม้ในที่เกิดเหตุจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุก
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share