แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เมื่อสิ้นระยะเวลาที่ศาลอนุญาตให้ขยายระยะเวลาสืบหาภูมิลำเนาจำเลยครั้งแรก โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาครั้งที่สองโดยกล่าวแต่เพียงว่ายังหาภูมิลำเนาจำเลยไม่พบ มิได้กล่าวถึงพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจยื่นก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ คำร้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ที่โจทก์ฎีกาว่าในช่วงเวลาก่อนยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาทนายโจทก์ไม่ได้คาดหมายว่าจำเลยจะหลบหนีการถูกดำเนินคดีด้วยการย้ายภูมิลำเนานั้นโจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ไม่สนใจดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่าคำร้องขอขยายระยะเวลาสืบหาภูมิลำเนาจำเลย 15 วัน ฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม 2534 เป็นเพียงคำบอกกล่าวต่อศาลถึงการประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปไม่ใช่เป็นการร้องขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 นั้น เห็นว่า ในวันรับฟ้องศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้ชัดเจนว่าหากส่งไม่ได้ ให้โจทก์แถลงภายใน 7 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิฉะนั้นถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง เมื่อส่งไม่ได้โจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 3 ตุลาคม 2534 ดังกล่าวขอขยายระยะเวลาต่อไปอีก 15 วัน และศาลชั้นต้นอนุญาตตามคำร้อง จึงถือได้ว่าเป็นระยะเวลาที่ศาลกำหนดและคู่ความได้ยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง ขอขยายระยะเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 แล้ว ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 18 ตุลาคม 2534 และการที่โจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 28ตุลาคม 2534 ขอขยายระยะเวลาต่อไปอีก 10 วันก็เป็นการขอขยายระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ตามบทบัญญัติดังกล่าวเช่นเดียวกันซึ่งโจทก์ชอบที่จะต้องขอก่อนสิ้นระยะเวลาเดิมเว้นแต่มีเหตุสุดวิสัยคดีนี้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นลงวันที่ 29 ตุลาคม 2534ซึ่งสั่งตามคำร้อง ของโจทก์ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2534 ในคำร้องดังกล่าวโจทก์กล่าวแต่เพียงว่ายังหาภูมิลำเนาของจำเลยไม่พบขอขยายเวลาต่อไปอีก 10 วัน โดยมิได้กล่าวถึงพฤติการณ์พิเศษและเหตุสุดวิสัยที่ไม่อาจยื่นก่อนสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ คำร้องขอขยายระยะเวลาของโจทก์ดังกล่าวจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 คำพิพากษาศาลศาลฎีกาที่โจทก์อ้างมาทั้งหมดข้อเท็จจริงไม่ตรงกับเรื่องนี้ ที่โจทก์ฎีกาว่าในช่วงเวลาก่อนยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาทนายโจทก์ติดธุระว่าความที่ต่างจังหวัดหลายแห่ง ประกอบกับระหว่างนั้นโจทก์ไม่ได้คาดหมายว่าจำเลยจะหลบหนีการถูกดำเนินคดีด้วยการย้ายภูมิลำเนานั้น เป็นการฎีกาตามคำร้องและคำสั่งของศาลลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2534 ซึ่งโจทก์มิได้อุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในเรื่องดังกล่าว ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยแต่เห็นด้วยในผล”
พิพากษายืน