คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3881/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยไม่ได้อ้างเหตุว่าคำพิพากษาของศาลไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนตรงไหนส่วนใดอันจะเป็นการค้าค้านคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความมาตรา208วรรคสองการที่จำเลยบรรยายมาในคำร้องว่าผู้แทนโจทก์เบิกความไม่ตรงต่อความเป็นจริงและผู้แทนโจทก์เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้จึงเป็นเหตุให้ศาลพิพากษาไปเช่นนั้นดังนี้มิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลหากเป็นเรื่องที่จำเลยโต้แย้งคำเบิกความของพยานโจทก์หรือการกระทำของโจทก์ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของจำเลยดังกล่าวมานั้นชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน1,300,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27 มกราคม 2537 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ว่า ศาลปิดคำบังคับให้จำเลยทราบเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2538 แต่จำเลยเพิ่งทราบว่าถูกฟ้องเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2538 เพราะเดินทางไปต่างจังหวัด ต่อมาได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฎว่า โจทก์ฟ้องจำเลยโดยไม่สุจริตกล่าวอ้างมูลหนี้เกินกว่าความเป็นจริงจนศาลหลงเชื่อพิพากษาไปตามข้อความอันเป็นเท็จนั้นจึงขอคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลว่านางพัชรา กิจพิทักษ์ ผู้แทนโจทก์เบิกความเท็จว่า เดิมจำเลยเป็นหนี้โจทก์จำนวน 1,600,000 บาท ต่อมาจำเลยได้ชำระหนี้บางส่วนเป็นเงิน 300,000 บาท คงค้างชำระอยู่อีก 1,300,000 บาท ซึ่งความจริงจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่เพียง 1,328,500.24 บาท และได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไปแล้ว 430,000 บาท คงค้างชำระอยู่เพียง898,510.24 บาท นอกจากนี้ผู้แทนโจทก์ยังเรียกเก็บดอกเบี้ยจากจำเลยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ คำพิพากษาของศาลจึงไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง ขอให้ศาลยกคดีนี้ขึ้นพิจารณาและพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ตามคำร้องมิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 ให้ยกคำร้อง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า มีเหตุที่จะขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ตามที่จำเลยร้องขอให้หรือไม่ เห็นว่าคำร้องของจำเลยไม่ได้อ้างเหตุว่า คำพิพากษาของศาลไม่ถูกต้อง หรือคลาดเคลื่อนตรงไหน ส่วนใด อันจะเป็นการคัดค้านคำพิพากษาของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208วรรคสอง การที่จำเลยบรรยายมาในคำร้อง ข้อ 1 (ก) และ (ข)นั้นเป็นเรื่องที่จำเลยกล่าวว่า นางพัชรา กิจพิทักษ์ ผู้แทนโจทก์เบิกความไม่ตรงต่อความเป็นจริง ส่วนข้อ 1 (ค) ก็เป็นเรื่องกล่าวว่า ผู้แทนโจทก์เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้จึงเป็นเหตุให้ศาลพิพากษาไปเช่นนั้น ก็มิใช่เป็นเรื่องที่จำเลยคัดค้านคำวินิจฉัยของศาล หากเป็นเรื่องที่จำเลยโต้แย้งคำเบิกความของพยานโจทก์หรือการกระทำของโจทก์ ฉะนั้น ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share