คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3027/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับจำเลยพบเมทแอมเฟตามีนของกลางอยู่ในเล้าหมูข้างบ้านจำเลยแม้เล้าหมูเป็นของจำเลยแต่บริเวณบ้านของจำเลยไม่มีรั้วล้อมและยังมีบ้านของผู้อื่นอีกหลายหลังอยู่ใกล้กับบ้านของจำเลยดังนั้นบุคคลอื่นย่อมสามารถเดินผ่านเข้าออกในบริเวณบ้านของจำเลยได้โดยสะดวกประกอบกับจำเลยไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านโดยลำพังหากแต่พักอาศัยอยู่กับบิดามารดาของจำเลยด้วยนอกจากนี้ยังมีบ้านที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างใกล้ๆกับเล้าหมูทั้งวัตถุออกฤทธิ์ของกลางในเล้าหมูก็ปรากฏเพียงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีแดงวางไว้ที่พื้นเล้าหมูโดยไม่มีสิ่งใดปกปิดสามารถมองเห็นได้โดยง่ายไม่มีลักษณะเป็นการซ่อนเร้นแต่อย่างใดกรณีอาจเป็นของคนงานก่อสร้างบ้านนำมาวางไว้เพื่อเสพในระหว่างทำงานก่อสร้างก็ได้ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุออกฤทธิ์แต่อย่างใดส่วนคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมนั้นจำเลยนำสืบโต้แย้งว่าเหตุที่รับสารภาพเพราะเจ้าพนักงานตำรวจบอกว่าจะจับกุมบิดามารดาไว้ดำเนินคดีซึ่งขณะนั้นบิดามารดาจำเลยไม่อยู่จำเลยไม่ทราบว่าบิดามารดาจะรู้เห็นเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนของกลางหรือไม่จึงเกรงว่าบิดามารดาจะเดือดร้อนจึงรับสารภาพประกอบกับจำเลยสำคัญผิดว่าเมื่อเมทแอมเฟตามีนอยู่ในเล้าหมูของจำเลยจำเลยจะต้องรับผิดชอบซึ่งสอดคล้องกับคำให้การในชั้นสอบสวนในวันเดียวกันอันเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่จำเลยถูกจับกุมจึงยังไม่ทันมีเวลาคิดวางแผนการต่อสู้คดีดังนั้นข้อเท็จจริงอาจจะเป็นดังที่จำเลยต่อสู้ก็เป็นได้เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา227วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13 ทวิ,59, 60, 62, 89, 106 ทวิ, 116 ริบของกลางที่เหลือให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ริบของกลางที่เหลือให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,89, 106 ทวิ จำคุก 6 ปี ริบของกลางที่เหลือให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นยึดได้วัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 หรือเมทแอมเฟตามีนจำนวน 85 เม็ด ซึ่งอยู่ในเล้าหมูข้างบ้านของจำเลยเป็นของกลางมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีนายดาบตำรวจวิเชาว์ บุญสอง และสิบตำรวจโทหอมอรชร เบิกความว่าวันเกิดเหตุได้ร่วมกันตรวจค้นบ้านจำเลยพบวัตถุออกฤทธิ์หรือเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ในเล้าหมูใกล้บ้านของจำเลย จำเลยรับว่าเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยได้แจ้งข้อหาแก่จำเลยว่ามีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครองเพื่อขายและเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด จำเลยให้การรับสารภาพตามบันทึกการตรวจค้นและจับกุมเอกสารหมาย ล.2เห็นว่า นายดาบตำรวจวิเชาว์ และสิบตำรวจโทหอม เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับจำเลยพบวัตถุออกฤทธิ์หรือเมทแอมเฟตามีนของกลางอยู่ในเล้าหมูข้างบ้านจำเลย แม้เล้าหมูเป็นของจำเลย แต่ก็ได้ความจากนายดาบตำรวจวิเชาว์ สิบตำรวจโทหอม และร้อยตำรวจเอกดำรงค์ ม่วงอยู่พนักงานสอบสวนซึ่งไปตรวจสถานที่เกิดเหตุว่า บริเวณบ้านของจำเลยไม่มีรั้วล้อม นอกจากบ้านของจำเลยยังมีบ้านของผู้อื่นอีกหลายหลังอยู่ใกล้บ้านกับบ้านของจำเลย ดังนั้น บุคคลอื่นย่อมสามารถเดินผ่านเข้าออกในบริเวณบ้านของจำเลยได้โดยสะดวก ประกอบกับจำเลยไม่ได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านโดยลำพัง หากแต่จำเลยพักอาศัยอยู่กับบิดามารดาของจำเลยด้วย นอกจากนี้ ยังมีบ้านที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างใกล้ ๆ กับเล้าหมู ตามภาพถ่ายหมาย จ.6 ภาพแรกทั้งเมื่อพิจารณาภาพถ่ายหมาย จ.6 ภาพที่สองซึ่งจำเลยและนายดาบตำรวจวิเชาว์ร่วมกันนำชี้วัตถุออกฤทธิ์ของกลางในเล้าหมูก็ปรากฏเพียงบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีแดงวางไว้ที่พื้นเล้าหมูโดยไม่มีสิ่งใดปกปิดสามารถมองเห็นได้โดยง่ายไม่มีลักษณะเป็นการซ่อนเร้นแต่อย่างใด กรณีอาจเป็นของคนงานก่อสร้างบ้านนำมาวางไว้เพื่อเสพในระหว่างทำงานก่อสร้างก็ได้ ทั้งไม่ปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยมีพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุออกฤทธิ์แต่อย่างใด ส่วนคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมนั้น จำเลยก็นำสืบโต้แย้งว่า เหตุที่ให้การรับสารภาพชั้นจับกุม เพราะเจ้าพนักงานตำรวจบอกว่าจะจับกุมบิดามารดาไว้ดำเนินคดีซึ่งจำเลยก็ได้ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนในวันเกิดเหตุนั้นเองว่า ของกลางไม่ใช่ของจำเลยเหตุที่รับสารภาพในชั้นจับกุมเพราะขณะที่ถูกตรวจค้นพบของกลางบิดามารดาจำเลยไม่อยู่จำเลยไม่ทราบว่าบิดามารดาจะรู้เห็นเกี่ยวข้องกับเมทแอมเฟตามีนของกลางหรือไม่ จำเลยเกรงว่าบิดามารดาจะเดือดร้อนจึงรับสารภาพประกอบกับจำเลยสำคัญผิดว่าเมื่อเมทแอมเฟตามีนอยู่ในเล้าหมูของจำเลย จำเลยจะต้องรับผิดชอบตามคำให้การของผู้ต้องหาเอกสารหมาย จ.4 ซึ่งสอดคล้องกับทางนำสืบของจำเลย เห็นว่า จำเลยให้การในชั้นสอบสวนในวันเดียวกันอันเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่จำเลยถูกจับกุมจึงยังไม่ทันมีเวลาคิดวางแผนการต่อสู้คดี ดังนั้น ข้อเท็จจริงอาจจะเป็นดังที่จำเลยต่อสู้ก็เป็นได้ เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสองจำเลยไม่มีความผิดตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาลงโทษจำเลยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบของกลางที่เหลือให้แก่กระทรวงสาธารณสุข

Share