คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2435/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ร้องเสนอขอชดใช้เงินและขอลดดอกเบี้ยคดีนี้เท่ากับเป็นการประนีประนอมยอมความซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านจะปรานีประนอมยอมความได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา145(5)ประกอบด้วยมาตรา41การที่ผู้คัดค้านนัดประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาว่าจะยอมรับข้อเสนอของผู้ร้องหรือไม่เป็นการขอความเห็นของที่ประชุมเจ้าหนี้ตามบทบัญญัติดังกล่าวและเป็นการปรึกษาถึงวิธีที่จะจัดการทรัพย์สินของผู้ล้มละลายในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่นตามมาตรา32เมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ยอมรับข้อเสนอและมีมติตามข้อเสนอของผู้ร้องแล้วก็เท่ากับเป็นการให้ความเห็นชอบในการประนีประนอมยอมความหากผู้คัดค้านเห็นว่ามติที่ประชุมเจ้าหนี้เกิดโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรมเป็นโมฆะขัดต่อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลของให้ศาลสั่งห้ามตามมาตรา36ซึ่งบัญญัติให้ผู้คัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลให้ศาลสั่งห้ามมิให้ปฏิบัติตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้นั้นและถ้าไม่มีคำสั่งศาลห้ามมิให้ปฏิบัติตามมติก็ต้องปฏิบัติตามมตินั้นกรณีไม่มีทางที่ผู้คัดค้านจะปฏิบัติเป็นอย่างอื่นผิดไปจากมติที่ประชุมเจ้าหนี้ได้เมื่อมติที่ประชุมเจ้าหนี้ส่วนที่ลดดอกเบี้ยให้แก่ผู้ร้องยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ผู้คัดค้านต้องปฏิบัติตามนั้นเมื่อผู้ร้องได้นำเงินไปชำระตามมติดังกล่าวครบถ้วนแล้วผู้คัดค้านจะเรียกให้ผู้ร้องชำระหนี้เพิ่มเติมอีกไม่ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ชำระบัญชีของบริษัทเงินทุนซินเซียร์ทรัสต์ จำกัด ยื่นคำร้องขอให้บริษัทเงินทุนซินเซียร์ทรัสต์ จำกัด ล้มละลาย ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านแจ้งให้ผู้ร้องชำระหนี้เพิ่มเติมอีก 2,681,780.38 บาท โดยอ้างว่าผู้ร้องไม่ได้แสดงต่อที่ประชุมเจ้าหนี้ว่า หนี้ของผู้ร้องเป็นหนี้ที่มีบุคคลค้ำประกันและมีใบหุ้นจำนำเป็นประกัน คำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้ผู้ร้องชำระหนี้เพิ่มเติมผิดจากมติที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 15 ไม่ชอบ เพราะผู้คัดค้านมิได้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ปฏิบัติการตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 15 ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติ มติที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 15 จึงยังคงมีผลใช้บังคับ ผู้ร้องไม่มีภาระที่จะต้องชำระหนี้เพิ่มเติมแก่กองทรัพย์สินของผู้ล้มละลายอีก ขอให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านและจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้
ผู้คัดค้าน ยื่น คำคัดค้าน ขอให้ ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้องขอ งผู้ร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านโดยให้จำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้
ผู้คัดค้าน ฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า การประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 15 ในส่วนที่เกี่ยวกับการลดหย่อนหนี้ให้แก่ผู้ร้องตกเป็นโมฆะ เนื่องจากที่ประชุมเจ้าหนี้แสดงเจตนาโดยสำคัญผิดในคุณสมบัติของลูกหนี้ อันเป็นผลให้การแสดงเจตนาลงมติในการประชุมดังกล่าวตกเป็นโมฆียะและได้มีการบอกล้างการแสดงเจตนาดังกล่าวในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 16แล้ว มติที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 15 เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับผู้ร้องตกเป็นอันไร้ผลตามกฎหมายจึงถือเสมือนว่าผู้ร้องไม่เคยขอลดหย่อนหนี้ต่อที่ประชุมเจ้าหนี้แต่อย่างใด และผู้คัดค้านมิได้เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระหนี้โดยอ้างว่ามติที่ประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 15 ขัดต่อกฎหมายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 36แต่อย่างใด หมายนัดของผู้คัดค้านที่เรียกร้องให้ผู้ร้องชำระเงิน2,681,780.38 บาท จึงชอบแล้วนั้น เห็นว่า การที่ผู้ร้องเสนอขอชดใช้เงินและขอลดดอกเบี้ยคดีนี้เท่ากับเป็นการประนีประนอมยอมความซึ่งผู้คัดค้านจะประนีประนอมยอมความได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 145(5) ประกอบด้วยมาตรา 41การที่ผู้คัดค้านนัดประชุมเจ้าหนี้ครั้งที่ 15 ก็เพื่อพิจารณาว่าจะยอมรับข้อเสนอของผู้ร้องหรือไม่ เป็นการขอความเห็นของที่ประชุมเจ้าหนี้ตามบทบัญญัติดังกล่าว และเป็นการปรึกษาถึงวิธีที่จะจัดการทรัพย์สินของผู้ล้มละลายในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งอื่น ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 32 เมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้ยอมรับข้อเสนอของผู้ร้อง และมีมติตามข้อเสนอของผู้ร้องแล้วก็เท่ากับเป็นการให้ความเห็นชอบในการประนีประนอมยอมความหากผู้คัดค้านเห็นว่ามติที่ประชุมเจ้าหนี้เกิดโดยสำคัญผิดในสาระสำคัญของนิติกรรมเป็นโมฆะ ขัดต่อกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ก็ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ศาลสั่งห้าม ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 36ซึ่งบัญญัติให้ผู้คัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลให้ศาลสั่งห้ามมิให้ปฏิบัติตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้นั้น บทบัญญัติดังกล่าวย่อมแสดงอยู่ในตัวว่าถ้าไม่มีคำสั่งศาลห้ามมิให้ปฏิบัติตามมตินั้นแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตามมติเพราะถ้าไม่ต้องปฎิบัติตามมตินั้นแล้ว ก็ไม่จำต้องบัญญัติให้ผู้คัดค้านร้องขอให้ศาลสั่งห้าม ฉะนั้น กรณีเรื่องนี้ไม่มีทางที่ผู้คัดค้านจะปฏิบัติเป็นอย่างอื่นผิดไปจากมติที่ประชุมเจ้าหนี้ได้ มติที่ประชุมเจ้าหนี้ส่วนที่ลดดอกเบี้ยให้แก่ผู้ร้องยังคงมีผลให้บังคับอยู่ผู้คัดค้านต้องปฏิบัติตามนั้น เมื่อผู้ร้องได้นำเงินไปชำระตามมติดังกล่าวครบถ้วนแล้วผู้คัดค้านจะเรียกให้ผู้ร้องชำระหนี้เพิ่มเติมอีกไม่ได้
พิพากษายืน

Share