คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2011/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นลูกจ้างธนาคารจำเลยขณะโจทก์ทำงานเป็นสมุหบัญชีในสาขาธนาคารจำเลยได้อนุมัติให้จ่ายเงินสดแก่ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตที่มาขอเบิกเงินเป็นการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและประมาทเลินเล่อโดยโจทก์มิได้รับประโยชน์หรือเรียกร้องเอาผลประโยชน์จากการอนุมัติย่อมเห็นได้ว่าเป็นการอนุมัติไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่เห็นสมควรการที่โจทก์ไม่ควบคุมดูแลพนักงานผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ให้ส่งใบเบิกไปให้ส่วนบัตรเครดิตสำนักงานใหญ่ในวันรุ่งขึ้นตามระเบียบของจำเลยหาใช่เป็นการทุจริตต่อหน้าที่อย่างใดไม่จำนวนเงินที่โจทก์อนุมัติให้จ่ายแก่ลูกค้าผู้นำบัตรเครดิตมาขอเบิกตามฟ้องแม้จำเลยจะเรียกเก็บจากธนาคารที่ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตมาขอเบิกไม่ได้เนื่องจากล่วงเลยเวลากว่า120วันแล้วก็ตามแต่จำเลยก็ยังมีสิทธิที่จะทวงถามหรือฟ้องบังคับเอาแก่ลูกค้าผู้มาขอเบิกได้การปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและประมาทเลินเล่อของโจทก์ดังกล่าวจึงยังไม่พอที่จะถือว่าทำให้จำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรงและฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ร้ายแรง โจทก์ทำงานตำแหน่งสมุห์บัญชีมีหน้าที่ดูแลการเงินในสาขาของจำเลยการที่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและประมาทเลินเล่อย่อมทำให้จำเลยเสียหายแม้ความเสียหายดังกล่าวจะยังไม่พอที่จะถือว่าทำให้จำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรงก็ตามแต่ก็ถือได้ว่าการกระทำของโจทก์มีเหตุสมควรและเพียงพอที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ได้การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2521 จำเลยจ้างโจทก์เป็นพนักงาน ทำงานในตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้ช่วยผู้จัดการสาขาอัตราเงินเดือน 16,555 บาท กำหนดจ่ายเงินเดือนทุกวันสิ้นเดือนต่อมาวันที่ 20 กรกฎาคม 2538 จำเลยไล่โจทก์ออกจากการเป็นพนักงานโดยอ้างว่าขณะโจทก์เป็นสมุห์บัญชี สาขาหนองแขมโจทก์อาศัยตำแหน่งแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งการสอบสวนข้อเท็จจริงก็ไม่เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการสอบสวนพนักงานผู้กระทำผิดทางวินัย พ.ศ. 2538และจำเลยไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า โจทก์ทำงานมากว่า 3 ปีมีสิทธิได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายหนึ่งร้อยแปดสิบวันเป็นเงิน 99,330 บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 22,625 บาท ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี2538 โจทก์ไม่เคยลาหยุดจำนวน 10 วัน เป็นเงิน 5,518 บาทเงินบำเหน็จในการทำงาน 18 ปี ของเงินเดือนสุดท้ายและอีก 1.5เท่าของเงินเดือนเป็นเงิน 446,985 บาท และค่าเสียหายกรณีจำเลยเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมเป็นเงิน 3,600,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินจำนวน 4,174,458 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 22,625 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จและดอกเบี้ยในอัตราเดียวกันของต้นเงิน 99,330 บาท นับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์อาศัยตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย และประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีร้ายแรงโจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี 2538 เงินบำเหน็จตามระเบียบว่าด้วยเงินบำเหน็จของจำเลย และค่าเสียหายใด ๆพร้อมดอกเบี้ยจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์มิได้ทุจริตต่อหน้าที่ หากแต่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อทำให้จำเลยได้รับความเสียหายอยู่บ้างแต่ไม่ถึงกับร้ายแรง ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยข้อ 8(4) จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ต้องทำหนังสือตักเตือนก่อน เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุดังกล่าวโดยมิได้ทำหนังสือตักเตือนก่อน จึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 281,435 บาทค่าชดเชย 99,330 บาท ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี5,518 บาท และเงินบำเหน็จ 211,076.25 บาท รวมเป็นเงิน597,359.25 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 99,330 บาท นับแต่วันเลิกจ้างไปจนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นให้ยก
จำเลย อุทธรณ์ ต่อ ศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย ตำแหน่งสุดท้ายเป็นผู้ช่วยผู้จัดการสาขา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2535 ถึงวันที่22 กุมภาพันธ์ 2536 ขณะโจทก์ทำงานเป็นสมุห์บัญชีประจำสาขาหนองแขมโจทก์เป็นผู้อนุมัติให้จ่ายเงินตามที่ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตขวัญนครมาขอเบิกเงินสดไป 12 ครั้ง รวมเป็นเงิน 93,282 บาทโดยโจทก์มิได้รับประโยชน์จากการอนุมัติให้จ่ายเงินดังกล่าวการเบิกเงินสดของลูกค้าดังกล่าวทางสาขาจะทำใบเบิก 3 ฉบับฉบับที่หนึ่งส่งมอบให้แก่ลูกค้า ฉบับที่สองส่งไปให้ส่วนบัตรเครดิตสำนักงานใหญ่ ส่วนฉบับที่สามทางสาขาเก็บไว้เองโจทก์ในฐานะสมุห์บัญชีมีหน้าที่ควบคุมดูแลให้พนักงานจัดพิมพ์หนังสือนำส่งมาให้โจทก์ลงนามเพื่อนำส่งใบเบิกให้ส่วนบัตรเครดิต สำนักงานใหญ่ในวันรุ่งขึ้นหลังจากวันที่ลูกค้ามาเบิกเงินสด แต่ปรากฏว่าใบเบิกทั้ง 12 ครั้ง ได้ส่งให้ส่วนบัตรเครดิต สำนักงานใหญ่ ช้ากว่า120 วัน เป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากธนาคารที่ลูกค้าถือบัตรเครดิตได้ ทำให้จำเลยต้องทวงหนี้หรือฟ้องร้องลูกค้าที่มาขอเบิกเงินดังกล่าวเอง ต่อมาวันที่20 กรกฎาคม 2538 จำเลยมีคำสั่งไล่โจทก์ออกจากการเป็นลูกจ้างของจำเลย โดยจำเลยไม่เคยมีหนังสือตักเตือนโจทก์ก่อน
พิเคราะห์แล้ว ปัญหาข้อแรกที่จำเลยอุทธรณ์มีว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่ เห็นว่า ที่โจทก์อนุมัติให้จ่ายเงินสดแก่ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตขวัญนครที่มาขอเบิกเงินโดยโจทก์มิได้รับประโยชน์หรือเรียกร้องเอาผลประโยชน์จากการอนุมัติ ย่อมเห็นได้ว่าเป็นการอนุมัติไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่เห็นสมควร การที่โจทก์ไม่ควบคุมดูแลพนักงานผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ให้ส่งใบเบิกไปให้ส่วนบัตรเครดิต สำนักงานใหญ่ในวันรุ่งขึ้นตามระเบียบของจำเลย จึงถือได้แต่เพียงว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและประมาทเลินเล่อเท่านั้น หาใช่เป็นการทุจริตต่อหน้าที่อย่างใดไม่
ปัญหาข้อที่สองมีว่า การที่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและประมาทเลินเล่อดังวินิจฉัยมาแล้วข้างต้นทำให้จำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรงและเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ร้ายแรงหรือไม่ เห็นว่าจำนวนเงินที่โจทก์อนุมัติให้จ่ายแก่ลูกค้าผู้นำบัตรเครดิตขวัญนครมาขอเบิกตามฟ้องแม้จำเลยจะเรียกเก็บจากธนาคารที่ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตมาขอเบิกไม่ได้ เนื่องจากล่วงเลยเวลากว่า 120 วันแล้วก็ตามแต่จำเลยก็ยังมีสิทธิที่จะทวงถามหรือฟ้องบังคับเอาแก่ลูกค้าผู้มาขอเบิกได้ การปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและประมาทเลินเล่อของโจทก์ดังกล่าวจึงยังไม่พอที่จะถือว่าทำให้จำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรงและฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานเป็นกรณีที่ร้ายแรงแต่การที่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่บกพร่องและประมาทเลินเล่อย่อมทำให้จำเลยเสียหาย แม้ความเสียหายดังกล่าวจะยังไม่พอที่จะถือว่าทำให้จำเลยได้รับความเสียหายร้ายแรง แต่ก็ถือได้ว่าการกระทำของโจทก์มีเหตุสมควรและเพียงพอที่จำเลยจะเลิกจ้างโจทก์ได้ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์จึงมิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยไม่ต้องใช้ค่าเสียหายกรณีเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share