คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6012/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ลูกหนี้ทำหนังสือยินยอมให้เจ้าหนี้นำเงินไปชำระหนี้รายใดก่อนเป็นการแสดงเจตนาเพื่อชำระหนี้ของลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา328วรรคแรกกระทำเพียงฝ่ายเดียวก็สมบูรณ์ผูกพันลูกหนี้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2526 โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกสิบล้อยี่ห้อฮีโนไปจากจำเลยที่ 1เป็นเงินค่าเช่าซื้อ 798,000 บาท โจทก์ชำระเงินในวันทำสัญญาบางส่วนเป็นเงิน 120,000 บาท ส่วนที่เหลือจำนวน 678,000 บาท ตกลงให้โจทก์แบ่งชำระเป็นงวดให้แล้วเสร็จภายในเวลา 1 ปี งวดสุดท้ายชำระเป็นเงิน 51,000 บาท โดยจำเลยจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์เมื่อโจทก์ชำระค่าเช่าซื้องวดสุดท้ายแล้ว โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อหลายครั้ง และเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2528 โจทก์ชำระค่าเช่าซื้องวดสุดท้ายเป็นเงิน 51,000 บาท โจทก์ขอให้จำเลยดำเนินการจดทะเบียนโอนรถยนต์ให้แก่โจทก์ แต่จำเลยทั้งสองขอผัดผ่อน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเพราะหากโจทก์ขายรถยนต์ให้แก่ผู้อื่นตั้งแต่ปี 2528 จะขายได้ราคาคิดเป็นร้อยละ 60ของราคาเดิมจะเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท และหากโจทก์นำเงินฝากธนาคารจะได้ดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 13 ต่อปีซึ่งจะได้ดอกเบี้ยปีละ 65,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี เป็นเงินจำนวน 325,000 บาทแต่โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเพียง 200,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองทำการจดทะเบียนโอนรถยนต์บรรทุกสิบล้อยี่ห้อฮีโน รุ่นเอฟเอ็ม 176หมายเลขเครื่อง 114025 หมายเลขทะเบียน 80-2012 ศรีสะเกษให้แก่โจทก์ หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายจำนวน 200,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์เช่าซื้อรถยนต์ตามฟ้องโดยตกลงผ่อนชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวดรายเดือนรวม 12 งวด งวดแรกชำระ62,000 บาท งวดต่อไปชำระลดลงงวดละ 1,000 บาท ทุกงวดและงวดที่ 12 ชำระ 51,000 บาท งวดแรกชำระวันที่ 15 มีนาคม 2526โจทก์ยินยอมให้จำเลยนำเงินค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระมาหักชำระเป็นค่าปรับในกรณีที่โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อล่าช้าไม่ตรงตามกำหนดในสัญญาและหักเป็นค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้ โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อไม่ครบถ้วนตามสัญญาโดยยังค้างอยู่ 35,800 บาท และยังค้างชำระค่าปรับเนื่องจากชำระค่าเช่าซื้อล่าช้าตามสัญญาข้อ 11 ซึ่งโจทก์ต้องชำระค่าปรับเมื่อคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 71,027 บาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อเพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าซื้อและค่าปรับ และจำเลยได้บอกเลิกสัญญา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดเวลาที่ระบุในสัญญาเช่าซื้อ ผลแห่งการนี้จำเลยที่ 1ย่อมมีสิทธิคิดค่าปรับได้ตามสัญญาข้อ 11 เมื่อโจทก์ยินยอมให้จำเลยนำเงินค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระมาหักเป็นค่าปรับได้ตามเอกสารหมาย ป.ล.3 การที่โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนดจำเลยจึงมีสิทธินำเงินค่าเช่าซื้อมาหักเป็นค่าปรับก่อนได้ค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระจึงยังไม่ครบถ้วนตามสัญญา โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยทั้งสองโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อแก่โจทก์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2526 โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกสิบล้อจากจำเลยที่ 1 สาขาศรีสะเกษ เป็นเงิน 798,000 บาทชำระเงินค่าเช่าซื้อในวันทำสัญญา 120,000 บาท ส่วนที่เหลือ678,000 บาท ผ่อนชำระเป็น 12 งวดเดือน งวดแรกชำระวันที่15 มีนาคม 2526 จำนวน 62,000 บาท ส่วนงวดถัดไปชำระทุกวันที่ 15ของทุกเดือนค่าเช่าซื้อของงวดถัดไปจะลงลงงวดละ 1,000 บาททุกงวดสำหรับงวดสุดท้ายชำระจำนวน 51,000 บาท ตามเอกสารหมาย ป.จ.2หรือ ป.ล.1 และสัญญาต่อท้ายเอกสารหมาย ป.ล.2 โจทก์ชำระเงินในจำนวนเท่ากับค่าเช่าซื้อตามสัญญาครบทุกงวดแล้ว แต่บางงวดชำระล่าช้ากว่ากำหนด ปรากฏตามใบเสร็จรับเงินชั่วคราวเอกสารหมาย ป.จ.3มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนแล้วจำเลยไม่จัดการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้แก่โจทก์ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาหรือไม่ โจทก์นำสืบว่าโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยที่ 1 ครบถ้วนแล้ว ตามใบเสร็จรับเงินค่าเช่าซื้อเอกสารหมายป.จ.3 จำเลยทั้งสองนำสืบว่า โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อให้จำเลยที่ 1รวม 11 งวด มีงวดที่ 2 เพียงงวดเดียวที่ชำระค่าเช่าซื้อตรงตามกำหนดนอกนั้นชำระไม่ตรงตามงวดที่กำหนดให้ชำระภายในวันที่ 15ของแต่ละงวดเดือน จำเลยที่ 1 จึงคิดค่าปรับจากโจทก์กรณีชำระค่าเช่าซื้อล่าช้า เมื่อหักทอนแล้วคงค้างชำระอยู่ 35,800 บาทพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์เบิกความรับว่าโจทก์ชำระค่าเช่าซื้อล่าช้าไม่ตรงตามงวด ปรากฏรายละเอียดตามเอกสารหมาย ป.จ.3และ ป.ล.2 ตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย ป.จ.2 ข้อ 11 วรรคสองระบุว่า ถ้าผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อก็ดีหรือเจ้าของได้รับความเสียหายไม่ว่าเหตุใด ๆ ก็ดี ผู้เช่าซื้อตกลงชำระค่าปรับให้แก่เจ้าของในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดหมายความว่า ถ้าจำเลยที่ 1 เกิดความเสียหายโจทก์ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ปรับได้ ดังนั้นการที่โจทก์ชำระค่าเช่าซื้อล่าช้าไม่ตรงตามกำหนด จำเลยที่ 1 จึงมีสิทธิปรับโจทก์ได้ตามสัญญาโจทก์รับว่ายังไม่ได้ชำระค่าปรับให้แก่จำเลยที่ 1 แต่อ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิที่จะหักเงินค่าเช่าซื้อไปชำระค่าปรับได้ปรากฏว่า โจทก์ทำหนังสือเอกสารหมาย ป.ล.3 ระบุว่าโจทก์ขอให้คำยืนยันและยินยอมให้จำเลยที่ 1 มีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการนำเงินค่างวดรถยนต์ที่โจทก์ชำระให้จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 นำเงินเหล่านั้นไปหักบัญชีค้างจ่ายของโจทก์ที่มีต่อจำเลยที่ 1 อาทิเช่นค่าปรับให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยเสียก่อน ส่วนที่เหลือให้นำไปตัดบัญชีค้างจ่ายค่างวดรถยนต์ต่อไป โจทก์ฎีกาว่า หนังสือยินยอมดังกล่าวมีลายมือชื่อโจทก์ฝ่ายเดียวไม่มีผลผูกพันโจทก์ตามสัญญาข้อ 16 นั้น เห็นว่า การที่โจทก์ทำหนังสือยินยอมให้จำเลยที่ 1หักเงินที่ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ตามงวดเป็นค่าปรับก่อน เป็นการแสดงเจตนาเพื่อชำระหนี้ของโจทก์ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 328 วรรคแรก กระทำเพียงฝ่ายเดียวก็สมบูรณ์ผูกพันโจทก์ดังนั้น เมื่อฟังข้อเท็จจริงแล้วว่า โจทก์ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ไม่ตรงตามที่กำหนดไว้ในสัญญาเช่าซื้อจึงต้องถูกปรับในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไป คิดเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งจำเลยที่ 1 มีสิทธินำไปหักทอนบัญชีจากเงินที่โจทก์นำส่งชำระค่าเช่าซื้อตามงวดแต่ละงวด เป็นค่าปรับก่อนส่วนที่เหลือจึงเป็นการชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์ ตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 15 ระบุว่าเมื่อผู้เช่าซื้อได้ชำระค่าเช่าซื้อเสร็จสิ้นครบถ้วนตามสัญญานี้ และไม่ปฏิบัติผิดข้อตกลงในสัญญานี้แล้ว จึงจะถือว่าทรัพย์สินนั้นตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เช่าซื้อ และเจ้าของจะจดทะเบียนใส่ชื่อผู้เช่าซื้อเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่เช่าซื้อนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดหนึ่งเดือน นับแต่วันที่ผู้เช่าซื้อชำระเงินค่าเช่าซื้องวดสุดท้ายพร้อมด้วยค่าปรับและจำนวนที่จะต้องจ่ายตามสัญญานี้เสร็จแล้ว ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อโจทก์ผิดนัดชำระค่าเช่าซื้อไม่ตรงตามกำหนด จำเลยที่ 1 จึงหักเงินค่าเช่าซื้อแต่ละงวดไปบางส่วนเพื่อชำระค่าปรับแล้ว โจทก์จึงค้างชำระค่าเช่าซื้อเท่ากับจำนวนค่าปรับที่จำเลยที่ 1 หักไป ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้นำเงินไปชำระเพิ่มเติมเพื่อให้ครบจำนวนค่าเช่าซื้อ จึงถือว่าโจทก์ยังชำระค่าเช่าซื้อไม่เสร็จสิ้นตามเงื่อนไขในสัญญาข้อ 15จำเลยที่ 1 ไม่ได้ปฏิบัติผิดสัญญา จำเลยที่ 1 จึงยังไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่เช่าซื้อให้แก่โจทก์
พิพากษายืน

Share