แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่หลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่จึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไรคงกล่าวแต่เพียงว่าจำเลยประสงค์จะสู้คดีต่อไปและมีทางชนะคดีได้เท่านั้นโดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่าหากมีการพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ชนะคดีได้คำขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งมาตรา208วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ศาลจะสั่งให้พิจารณาใหม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อสินค้าไปจากโจทก์แล้วผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 209,559.20 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การแต่ขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 205,450.28 บาทให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณาเนื่องจากเข้าใจผิดในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมีความประสงค์จะต่อสู้คดีต่อไปและคดีมีทางชนะโจทก์ได้ ขอให้พิจารณาใหม่
โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า เหตุที่จำเลยขาดนัดพิจารณาเกิดจากความผิดพลาดและละเลยไม่เอาใจใส่ของทนายจำเลยที่ไม่ตรวจสอบและสอบถามให้ชัดแจ้งเกี่ยวกับวันนัดของศาล แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะจงใจขาดนัดพิจารณา ประกอบกับคดีนี้จำเลยไม่มีทางที่จะชนะคดีโจทก์ได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้พิจารณาใหม่
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาหรือไม่ เห็นว่า ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาไปแล้ว จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่หลังคำพิพากษาคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่ จึงไม่เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณามีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยต่อไปว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลหรือไม่ เห็นว่า คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยมิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลเพื่อแสดงว่าตนอาจชนะคดีได้อย่างไร คงกล่าวแต่เพียงว่าจำเลยประสงค์จะสู้คดีต่อไปและมีทางชนะคดีได้เท่านั้น โดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงที่จะแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า หากมีการพิจารณาใหม่แล้วศาลอาจพิพากษาให้ชนะคดีได้ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 208 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่ศาลจะสั่งให้พิจารณาใหม่ได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาชอบแล้วฎีกาของจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน