คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5390/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นสินสมรสอันเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่2และผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากันดังนั้นจำนวนเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดถือไว้แทนราคาที่ดินแปลงดังกล่าวผู้ร้องจึงมีส่วนอยู่ด้วยกึ่งหนึ่งฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะนำเงินดังกล่าวในส่วนที่เหลือจากการหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการบังคับคดีแล้วชำระหนี้แก่โจทก์ย่อมไม่อาจกระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้องที่จะร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินอันได้แก่เงินจำนวนดังกล่าวนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา287

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินตามเช็คกับให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ในฐานะผู้ค้ำประกัน ร่วมกันรับผิดในหนี้ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 1 ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด โจทก์จึงยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 และที่ 3ร่วมกันชำระเงิน 4,473,237.18 บาท พร้อมดอกเบี้ย นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โดยให้หักเงิน 800,000 บาทที่จำเลยที่ 2 นำมาชำระออกก่อน ต่อมาจำเลยที่ 2 และที่ 3ไม่ชำระหนี้ดังกล่าว โจทก์จึงขอออกหมายบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 18001 เพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่ 2 เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 18001เพื่อบังคับชำระหนี้แก่โจทก์ต่อมานายประยูร บพิตรพิทักษ์โจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 623/2531 ของศาลจังหวัดสมุทรสาครได้นำเงิน 5,789,303.39 บาท มาวางชำระหนี้ให้โจทก์คดีนี้แทนจำเลยที่ 2 เพื่อดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดสมุทรสาครในคดีดังกล่าว เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งอนุญาตนายประยูรจึงได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวไปตามคำพิพากษาของศาลจังหวัดสมุทรสาครแล้วจำนวนเงินที่นายประยูรวางชำระหนี้แทนจำเลยที่ 2 เมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แล้วเหลือเงินสุทธิ 5,569,864.39บาท และยังอยู่ที่กรมบังคับคดี เนื่องจากที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยที่ 2 ทั้งหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ไม่ใช่หนี้ที่จำเลยที่ 2 และผู้ร้องเป็นลูกหนี้ร่วมกันจึงขอให้กันส่วนเงินจำนวนดังกล่าวให้ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง
โจทก์คัดค้านว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิขอกันส่วนในเงินดังกล่าวขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้น ไต่สวน แล้ว มี คำสั่ง ให้ยก คำร้อง
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่าผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนเงินในเงินจำนวน 5,569,864.39 บาท ไว้กึ่งหนึ่งในฐานะที่เป็นเจ้าของรวมกับจำเลยที่ 2 หรือไม่ เห็นว่าการที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 18001ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ก็เพื่อบังคับคดีเอาทรัพย์สินดังกล่าวออกขายทอดตลาดหรือจำหน่ายเอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้แก่โจทก์ ดังนั้น การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรับเงินจำนวน 5,789,303.39 บาท ไว้จากนายประยูรซึ่งจะต้องชำระราคาตอบแทนแก่จำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดสมุทรสาครในการที่นายประยูรจะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าวไปตามมูลหนี้ สัญญาจะซื้อขายแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีได้สั่งถอนการยึดที่ดินแปลงดังกล่าวให้นายประยูรได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินไปตามคำพิพากษาศาลจังหวัดสมุทรสาครนั้น ก็เพื่อการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ในคดีนี้นั่นเอง โดยเปลี่ยนจากการยึดที่ดินแปลงดังกล่าวมายึดถือเอาเงินราคาที่ดินแปลงดังกล่าวที่นายประยูรจะต้องชำระแก่จำเลยที่ 2 ตอบแทนตามคำพิพากษานั้นไว้แทนเมื่อที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นสินสมรสอันเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 และผู้ร้องเป็นเจ้าของรวมกันมีส่วนเท่ากัน ดังนั้นจำนวนเงินที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดถือไว้แทนราคาที่ดินแปลงดังกล่าว ผู้ร้องจึงมีส่วนอยู่ด้วยกึ่งหนึ่งฉะนั้นการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะนำเงินดังกล่าวในส่วนที่เหลือจากการหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการบังคับคดีแล้วชำระหนี้แก่โจทก์ ย่อมไม่อาจกระทบกระทั่งถึงสิทธิของผู้ร้องที่จะร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินอันได้แก่เงินจำนวนดังกล่าวนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ผู้ร้องจึงมีสิทธิร้องขอกันส่วนในเงินจำนวน 5,569,864.39 บาท ไว้กึ่งหนึ่งในฐานะเจ้าของรวมกับจำเลยที่ 2 กรณีหาใช่ผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้มีกรรมสิทธิ์รวมในทรัพย์สินกับจำเลยที่ 2 จะมีสิทธิร้องขอกันส่วนของตนได้เฉพาะแต่กรณีที่มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 โดยการขายทอดตลาดดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไว้ไม่ ฎีกาของผู้ร้องจึงฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ เจ้าพนักงาน บังคับคดี กัน เงิน จำนวน5,569,864.39 บาท ออก กึ่งหนึ่ง ให้ แก่ ผู้ร้อง

Share