คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5219/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหายมาก่อนแต่ไม่รุนแรงมากถึงกับคิดจะฆ่าผู้เสียหายแม้มีดที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นมีดปลายแหลมคมมีดยาวประมาณ7นิ้วแต่จำเลยแทงไม่แรงและบริเวณที่เกิดเหตุเป็นที่มืดจำเลยไม่สามารถเลือกแทงได้จำเลยจึงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงนายชำนาญ หนูนวลผู้เสียหายบริเวณลิ้นปี่และริมฝีปาก โดยเจนนาว่า แต่การกระทำไม่บรรลุผลเพราะผู้เสียหายหลบหลีกและใช้มือจับมีดจำเลยไว้ประกอบกับมีผู้อื่นเข้าห้าม ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 80, 288 และริบของกลาง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 จำเลยอายุ 17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 กึ่งหนึ่ง จำคุก 5 ปี ริบอาวุธมีดของกลาง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จำเลยอายุ17 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75แล้ว คงให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปี ยกฟ้องฐานพยายามฆ่าผู้อื่นนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายกับจำเลยเป็นคนตำบลเดียวกันมูลเหตุที่จำเลยไล่แทงผู้เสียหายได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่าก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน ขณะผู้เสียหายกำลังคุยกับนางสาวแต๋มในงานแต่งงานข้างบ้าน จำเลยเรียกนางสาวแต๋มไปคุย แต่นางสาวแต๋มไม่ยอมไปบอกว่าจะคุยกับผู้เสียหายเป็นเหตุให้จำเลยไม่พอใจและเกิดโต้เถียงกับผู้เสียหายด้วยสาเหตุเพียงเท่านี้ อันเป็นวิสัยธรรมดาของหนุ่มสาว คงไม่ทำให้จำเลยมีความเคียดแค้นถึงกับคิดจะฆ่าผู้เสียหายเมื่อพบกัน แม้มีดที่จำเลยใช้แทงผู้เสียหายเป็นมีดปลายแหลมคมมีดยาวประมาณ 7 นิ้วหรือประมาณ 17 เซนติเมตร อันถือได้ว่าเป็นอาวุธร้ายแรงซึ่งหากแทงถูกอวัยวะสำคัญโดยแรงย่อมทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้และจำเลยก็แทงถูกที่บริเวณลิ้นปี่ 1 แผล ที่บริเวณริมฝีปาก 3 แผลก็ตาม แต่ได้ความจากคำเบิกความของนายแพทย์บูชา พันธุเล่งผู้ตรวจชันสูตรบาดแผลว่า บาดแผลที่ริมฝีปากมีลึก 0.5 เซนติเมตรยาว 0.5 เซนติเมตร ลึก 1 เซนติเมตร ยาว 5 เซนติเมตร และลึก1.5 เซนติเมตร ยาว 2 เซนติเมตร แผลนี้มีเลือดออกมากเนื่องจากบาดแผลตัดกับเส้นเลือด ส่วนบาดแผลที่บริเวณลิ้นปี่ลึก 0.5 เซนติเมตรยาว 0.5 เซนติเมตร บาดแผลนี้หากลึกไปกว่านั้นอาจถูกลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็ก กระเพาะอาหาร เส้นเลือดแดงใหญ่และหากบาดแผลอยู่เหนือขึ้นไปอีกเล็กน้อยอาจถูกตับ หัวใจและปอดหากอวัยวะดังกล่าวถูกแทงถือได้ว่าเป็นกรณีฉุกเฉิน ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ จึงถือได้ว่าอวัยวะดังกล่าวเป็นอวัยวะสำคัญแต่จากความลึกและความยาวของบาดแผลที่บริเวณลิ้นปี่เพียง0.5 เซนติเมตร แสดงว่าจำเลยแทงไม่แรง ประกอบกับบริเวณเกิดเหตุเป็นที่มืดจำเลยไม่สามารถเลือกแทงได้ จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น
พิพากษายืน

Share