แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้พนักงานอัยการซึ่งเป็นทนายความคนเดิมของจำเลยที่2และที่3จะย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่นก็ตามพนักงานอัยการคนเดิมนั้นก็ยังเป็นทนายความของจำเลยที่2และที่3มีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่อไปได้ฉะนั้นการที่พนักงานอัยการซึ่งเป็นทนายความคนใหม่ของจำเลยที่2และที่3ยื่นคำร้องขอคัดสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาก่อนครบกำหนดยื่นฎีกา1วันโดยอ้างว่าเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายความของจำเลยที่2และที่3เนื่องจากทนายความคนเดิมย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่นจึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีของบริษัทวาย อาร์ วี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2530ซึ่งถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2538ครั้นวันที่ 3 สิงหาคม 2538 นายพิทยา สุพรธาดา พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด ทนายจำเลยที่ 2 และที่ 3 ยื่นคำร้องขอคัดสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยวิธีถ่ายเอกสารและขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาออกไปอีกจากวันที่ 5 สิงหาคม 2538 ถึงวันที่ 5 กันยายน 2538 โดยอ้างว่าเพิ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นทนายความของจำเลยที่ 2 และที่ 3 เนื่องจากทนายความคนเดิมซึ่งเป็นพนักงานอัยการย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่น และคดีจะครบกำหนดเวลายื่นฎีกาในวันที่ 4 สิงหาคม 2538 จึงไม่อาจเสนอให้ผู้บังคับบัญชาและตัวจำเลยพิจารณาตามลำดับชั้นของทางราชการได้ทัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอนุญาตให้ถ่ายเอกสาร ส่วนการขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา เนื่องจากจำเลยเพิ่งจะมาขอคัดสำเนาคำพิพากษาในวันที่ใกล้จะครบกำหนดฎีกา กรณีไม่มีพฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 จึงไม่อนุญาตยกคำร้อง
จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลย ที่ 2 และ ที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่าเหตุตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกานั้นเป็นพฤติการณ์พิเศษหรือไม่ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 เพิ่งทราบเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2538จากสำนักงานอัยการสูงสุดว่า ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้เปลี่ยนตัวพนักงานอัยการผู้เป็นทนายความแก้ต่างให้แก่จำเลยแทนพนักงานอัยการคนเดิมซึ่งย้ายไปรับราชการในตำแหน่งอื่น จำเลยที่ 2 และที่ 3จึงได้ลงนามในใบแต่งทนายความและเสนอต่อผู้บังคับบัญชามีหนังสือส่งใบแต่งทนายความไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อไปเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาได้นั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้ทางสำนักงานอัยการสูงสุดจะมีคำสั่งย้ายพนักงานอัยการ ซึ่งเป็นทนายความคนเดิมของจำเลยที่ 2 และที่ 3ไปดำรงตำแหน่งที่อื่นก็ตาม พนักงานอัยการคนเดิมนั้นก็ยังเป็นทนายความของจำเลยที่ 2 และที่ 3 มีสิทธิที่จะดำเนินคดีต่อไปได้ฉะนั้นตามข้ออ้างของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ดังกล่าวมายังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะให้ศาลสั่งขยายระยะเวลายื่นฎีกาให้ตามที่จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร้องขอได้ ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นฎีกาแก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 นั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน