คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4770/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทางพิพาทไม่ใช่ทางสาธารณะแต่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304(3)และอยู่ในโฉนดที่ดินของจำเลยที่1การที่จำเลยที่4ซึ่งเป็นผู้ครอบครองดูแลที่ดินแทนจำเลยที่3ปิดกั้นทางพิพาทบริเวณที่เชื่อมกับถนนสายบางกอกน้อยตลิ่งชัน และทำรั้วลวดหนามล้อมที่ดินด้านที่มีแนวเขตติดต่อกับที่ดินของโจทก์ที่1ที่2และที่3เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสถานที่ราชการจึงเป็นการกระทำโดยชอบแม้จะเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสามไม่สามารถใช้ทางพิพาทได้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นอันจะฟังว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามฟ้องว่า ทางพิพาทกว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ500 เมตร เป็นส่วนหนึ่งอยู่ในโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1 โจทก์ทั้งสามซึ่งมีที่ดินและปลูกบ้านติดกับทางดังกล่าวตลอดจนประชาชนทั่วไปใช้เป็นทางเข้าออกสู่ถนนสายบางกอกน้อยตลิ่งชันมานานหลายสิบปีโดยความสงบเปิดเผยและมีเจตนาให้เป็นทางสาธารณะที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทางพิพาทจึงตกเป็นทางสาธารณะ ต่อมาจำเลยที่ 4ให้บริวารขุดหลุมปักเสาขึงลวดหนามเป็นแนวยาวขนานไปกับทางพิพาทปิดกั้นที่ดินของโจทก์ที่ 1 บางส่วนและปิดกั้นหน้าบ้านและที่ดินของโจทก์ที่ 2 และที่ 3 และปิดกั้นปากทางเข้าออกสู่ถนนสายบางกอกน้อยตลิ่งชัน เป็นการใช้สิทธิที่ทำให้โจทก์ทั้งสามเสียหายถ่ายเดียว ทำให้โจทก์ทั้งสามและประชาชนทั่วไปไม่สามารถใช้ทางพิพาทเข้าออกได้เหมือนเดิน อันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ทั้งสามขอให้พิพากษาว่า ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะ ให้จำเลยทั้งสี่รื้อลวดหนามและสิ่งกีดกั้นออกไป และห้ามจำเลยทั้งสี่รบกวนสิทธิของโจทก์ทั้งสามในการใช้ทางพิพาท
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า ทางพิพาทเป็นที่ราชพัสดุของจำเลยที่ 1อยู่ในโฉนดที่ดินเลขที่ 1425 แขวงบางกอกน้อย เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร อยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 และให้จำเลยที่ 3ใช้เป็นที่ตั้งสถานีทดลองพืชสวนบางกอกน้อย อันเป็นสถานที่ราชการพร้อมทั้งปลูกบ้านพักข้าราชการและลูกจ้างที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่สถานีดังกล่าวทางพิพาทสร้างขึ้นเพื่อใช้สัญจรภายในสถานที่ราชการ รวมทั้งให้ประชาชนใช้ในการมาติดต่อราชการเท่านั้นไม่ใช่ทางสาธารณะ ไม่เคยยกให้เป็นทางสาธารณะ และไม่เคยยินยอมให้โจทก์ทั้งสามหรือประชาชนทั่วไปใช้ทางพิพาทอย่างทางสาธารณะจำเลยที่ 4 สั่งปิดทางพิพาทเพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพเข้ามาใช้สถานที่ราชการในทางที่ไม่ชอบ อันเป็นการรักษาความสงบและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสถานที่ราชการ การกระทำของจำเลยทั้งสี่ไม่เป็นละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ทางพิพาทไม่ใช่ทางสาธารณะ แต่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) และอยู่ในโฉนดที่ดินของจำเลยที่ 1การที่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ครอบครองดูแลที่ดินแทนจำเลยที่ 3ปิดกั้นทางพิพาทบริเวณที่เชื่อมกับถนนสายบางกอกน้อยตลิ่งชันและทำรั้วลวดหนามล้อมที่ดินด้านที่มีแนวเขตติดต่อกับที่ดินของโจทก์ที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสถานที่ราชการ จึงเป็นการกระทำโดยชอบ แม้จะเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสามไม่สามารถใช้ทางพิพาทได้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น อันจะฟังว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสาม
พิพากษายืน

Share