แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ใช้สิทธิขอซื้อที่นาพิพาทคืนโดยยื่นคำร้องขอต่อประธานคชก.ตำบลและทำหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดแล้วจำเลยที่1ได้จดทะเบียนโอนขายที่นาพิพาทให้แก่จำเลยที่2โดยจำเลยทั้งสองทราบเรื่องที่โจทก์ขอซื้อที่นาพิพาทคืนการกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นการกระทำไม่สุจริตการที่โจทก์มีสิทธิซื้อที่นาพิพาทคืนเป็นกรณีที่โจทก์มีสิทธิตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา54เมื่อจำเลยที่1โอนที่นาพิพาทให้แก่จำเลยที่2โดยไม่สุจริตโจทก์จึงมีสิทธิขอให้เพิกถอนนิติกรรมการซื้อที่นาพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้ ศาลอุทธรณ์มิได้กำหนดเวลาให้โจทก์ชำระราคาที่นาพิพาทคืนศาลฎีกากำหนดเวลาให้โจทก์ชำระราคาได้
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ที่ 2 รับโอน ที่ดิน โฉนด เลขที่ 7013เฉพาะ ส่วน ของ นาง ถนอม เอิบอาบ จาก จำเลย ที่ 1 อัน ทำให้ โจทก์ เสียเปรียบ ทั้งนี้ เนื่องจาก โจทก์ เป็น ผู้เช่า ที่ดิน เฉพาะ ส่วน ของนาง ถนอม ทำนา มา เป็น เวลา นาน 10 ปี เศษ จน ถึง ปัจจุบัน แต่ นาย ขรุ่ย เอิบอาบ ผู้จัดการมรดก ของ นาง ถนอม ได้ ขาย ที่นา พิพาท เฉพาะ ส่วน ของ นาง ถนอม ให้ แก่ จำเลย ที่ 1 โดย ไม่ได้ แจ้ง ให้ โจทก์ ผู้เช่า นา และ ประธาน คชก. ตำบล คลองจิก ทราบ ตาม พระราชบัญญัติ การเช่าที่ดิน เพื่อ เกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ซึ่ง โจทก์ได้ ยื่น หนังสือ ต่อ คชก. ตำบล คลองจิก เพื่อ ขอ ซื้อ ที่นา พิพาท ดังกล่าว ตาม สิทธิ แล้ว และ แจ้ง ให้ เจ้าพนักงาน ที่ดิน ทราบ เรื่อง ที่ โจทก์ผู้เช่า นา กำลัง ดำเนินการ ขอ ซื้อ ที่นา พิพาท ต่อ คชก. ตำบล คลองจิก ไว้ แล้ว ด้วย อีก ทั้ง ใน วันที่ จำเลย ทั้ง สอง จดทะเบียน ซื้อ ขาย ที่นา พิพาทนั้น เจ้าหน้าที่ที่ดิน ผู้ จดทะเบียน ได้ แจ้ง ให้ จำเลย ทั้ง สอง ทราบแล้ว ว่า โจทก์ ผู้เช่า นา ได้ ยื่น หนังสือ ขอ ซื้อ ที่นา พิพาท ไว้ แล้ว แต่จำเลย ทั้ง สอง ยืนยัน ให้ จดทะเบียน โอน กรรมสิทธิ์ ที่นา พิพาท ต่อไป ใน วันดังกล่าว ใน ราคา 786,000 บาท ต่อมา คชก. ตำบล คลองจิก มี มติ ให้ โจทก์ ผู้เช่า นา มีสิทธิ ซื้อ ที่นา พิพาท คืน จาก จำเลย ที่ 1 ได้ ใน ราคา300,000 บาท อันเป็น ราคา ซื้อ ขาย ใน ขณะ นั้น และ ไม่มี การ อุทธรณ์ มติ ของคชก. ตำบล โจทก์ ได้ ไป ตรวจสอบ หลักฐาน ที่ สำนักงาน ที่ดิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึง ทราบ ว่า จำเลย ทั้ง สอง ได้ จดทะเบียน ซื้อ ขายโอน กรรมสิทธิ์ นา พิพาท ไป แล้ว จึง ให้ ทนายความ มี หนังสือ แจ้ง ให้จำเลย ทั้ง สอง โอน ขาย ที่นา พิพาท ให้ แก่ โจทก์ ใน ราคา 300,000 บาทแต่ จำเลย ทั้ง สอง เพิกเฉย ขอให้ เพิกถอน สัญญาซื้อขาย ที่นา พิพาทเฉพาะ ส่วน โฉนด เลขที่ 7013 เนื้อที่ 15 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวาที่ จำเลย ที่ 1 โอน ขาย ให้ แก่ จำเลย ที่ 2 ตาม หนังสือ สัญญา ขาย ที่นา พิพาทเฉพาะ ส่วน ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2531 แล้ว ให้ จำเลย ที่ 1 จดทะเบียนโอน ขาย ที่นา พิพาท โฉนด เลขที่ 7013 ดังกล่าว ให้ แก่ โจทก์ ใน ราคา300,000 บาท ถ้า จำเลย ที่ 1 ไม่ปฏิบัติ ตาม ขอให้ ถือเอา คำพิพากษา แทนการแสดง เจตนา ของ จำเลย ที่ 1 จำเลย ที่ 1 ให้การ ว่า โจทก์ ไม่ใช่ เป็น ผู้เช่า ที่นา พิพาท มติ ของคชก. ตำบล คลองจิก จึง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ราคา ที่นา พิพาท นั้น ไม่ใช่ 300,000 บาท เพราะ จำเลย ที่ 1 ซื้อ จาก นาย ขรุ่ย ใน ราคา 650,000 บาท นอกจาก นี้ โจทก์ ฟ้องคดี นี้ เพื่อ นำ ที่นา พิพาท ไป ขาย ต่อบุคคลอื่น เพื่อ หา กำไร เนื่องจาก ที่นา พิพาท มี ราคา สูง ขึ้น จึง เป็น การใช้ สิทธิ โดย ไม่สุจริต ทั้ง โจทก์ มี คำขอ ให้ เพิกถอน การ โอน ที่นา พิพาทระหว่าง จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 นั้น ไม่สามารถ ทำได้ เพราะ โจทก์และ จำเลย ที่ 1 ไม่มี นิติสัมพันธ์ ต่อ กัน ใน ฐานะ ลูกหนี้ เจ้าหนี้ ขอให้ยกฟ้อง จำเลย ที่ 2 ให้การ ว่า จำเลย ที่ 2 จดทะเบียน รับโอน กรรมสิทธิ์ที่นา พิพาท เฉพาะ ส่วน จาก จำเลย ที่ 1 ใน ราคา ไร่ ละ 60,000 บาทโดยสุจริต และ เสีย ค่าตอบแทน การ จดทะเบียน โอน กรรมสิทธิ์ ที่นา พิพาทถือไม่ได้ว่า จำเลย ที่ 2 กระทำ นิติกรรม โดย รู้ ว่า ทำให้ โจทก์ เสียเปรียบเนื่องจาก ใน ขณะ นั้น โจทก์ ยัง ไม่อยู่ ใน ฐานะ ที่ จะซื้อ ที่นา พิพาท คืน จากจำเลย ที่ 1 การ ที่ จำเลย ที่ 2 เป็น บุคคลภายนอก ซื้อ ที่นา พิพาท โดยสุจริต และ เสีย ค่าตอบแทน ย่อม ไม่ ถูก กระทบ กระเทือน สิทธิ มติ คชก.ตำบล คลองจิก ฝ่าฝืน ต่อ พระราชบัญญัติ การเช่าที่ดิน เพื่อ เกษตรกรรม เนื่องจาก นาย ไสว นัยศิริ ตัวแทน ผู้ให้เช่า ซึ่ง เป็น เครือญาติ กับ โจทก์ เป็น ผู้มีส่วนได้เสีย ใน กรณี พิพาท ใช้ สิทธิ พิจารณา และ ลงมติ ในกรณี พิพาท ด้วย นอกจาก นั้น มติ คชก. ตำบล คลองจิก กำหนด ให้ โจทก์ ซื้อ ที่นา พิพาท คืน จาก จำเลย ที่ 1 เท่านั้น ไม่มี ผล ผูกพัน จำเลย ที่ 2จำเลย ที่ 2 ซื้อ ที่นา พิพาท จาก จำเลย ที่ 1 ใน ราคา ไร่ ละ 60,000 บาทปัจจุบัน ราคา ท้องตลาด มี ราคา ไม่ ต่ำกว่า 1,500,000 บาท ดังนั้นโจทก์ จะ ต้อง ขอ ซื้อ จาก จำเลย ที่ 2 ตาม พระราชบัญญัติ การเช่าที่ดิน เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ใน ราคา ดังกล่าว ไม่ใช่ มา ฟ้อง ขอ เพิกถอนนิติกรรม การ ซื้อ ขาย ระหว่าง จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 เพื่อ ขอ ซื้อ ใน ราคา300,000 บาท และ ไม่ปรากฏ ว่า โจทก์ ได้ ดำเนินการ ตาม ขั้นตอนของ พระราชบัญญัติ การเช่าที่ดิน เพื่อ เกษตรกรรม พ.ศ. 2524 กับ จำเลยที่ 2 ก่อน ฟ้อง ดังนั้น โจทก์ จึง ไม่มี อำนาจฟ้อง ขอให้ ยกฟ้อง ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง โจทก์ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน โอน ที่ดิน โฉนดเลขที่ 7013 ตำบล คลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ให้ แก่ โจทก์ ใน ราคา 300,000 บาท หาก จำเลย ทั้ง สอง ไม่ปฏิบัติตาม ให้ ถือเอา คำพิพากษา แทน การแสดง เจตนา ของ จำเลย ทั้ง สอง จำเลย ทั้ง สอง ฎีกา ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า คดี นี้ โจทก์ ฟ้อง ขอ เพิกถอน สัญญาซื้อขาย ที่นาพิพาท เฉพาะ ส่วน ที่ จำเลย ที่ 1 โอน ขาย ให้ แก่ จำเลย ที่ 2 แล้ว ให้จำเลย ที่ 1 จดทะเบียน โอน ขาย ให้ แก่ โจทก์ และ ศาลชั้นต้น ได้ กำหนดประเด็น ข้อพิพาท ข้อ 1 ว่า โจทก์ มีสิทธิ เพิกถอน นิติกรรม การ ซื้อ ขายที่นา พิพาท ระหว่าง จำเลย ทั้ง สอง หรือไม่ แต่ ศาลอุทธรณ์ กลับ พิพากษาให้ จำเลย ทั้ง สอง ร่วมกัน โอน ที่นา พิพาท ให้ แก่ โจทก์ โดย มิได้ วินิจฉัยประเด็น ข้อพิพาท ข้อ 1 แต่อย่างใด จึง เป็น การ ไม่ชอบ ด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ฎีกา จำเลย ที่ 1ข้อ นี้ ฟังขึ้น บางส่วน ซึ่ง ศาลฎีกา เห็นสมควร วินิจฉัย ประเด็น ข้อพิพาทที่ ว่า โจทก์ มีสิทธิ ขอให้ เพิกถอน นิติกรรม การ ซื้อ ขาย ที่นา พิพาท ระหว่างจำเลย ทั้ง สอง หรือไม่ ไป เลย โดย ไม่ต้อง ย้อนสำนวน ข้อเท็จจริง ได้ความ ตาม ที่ วินิจฉัย มา แล้ว ข้างต้น ว่า เมื่อ โจทก์ ใช้ สิทธิ ขอ ซื้อ ที่นาพิพาท คืน โดย ยื่น คำร้องขอ ต่อ ประธาน คชก. ตำบล คลองจิก และ ทำ หนังสือ ถึง เจ้าพนักงาน ที่ดิน จังหวัด พระนครศรีอยุธยา แล้ว จำเลย ที่ 1ได้ จดทะเบียน โอน ขาย ที่นา พิพาท ให้ แก่ จำเลย ที่ 2 โดย จำเลย ทั้ง สองทราบ เรื่อง ที่ โจทก์ ขอ ซื้อ ที่นา พิพาท คืน การกระทำ ของ จำเลย ทั้ง สอง จึงเป็น การกระทำ ไม่สุจริต การ ที่ โจทก์ มีสิทธิ ซื้อ ที่นา พิพาท คืน เป็น กรณีที่ โจทก์ มีสิทธิ ตาม พระราชบัญญัติ การเช่าที่ดิน เพื่อ เกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 54 เมื่อ จำเลย ที่ 1 โอน ที่นา พิพาท ให้ แก่ จำเลยที่ 2 โดย จำเลย ทั้ง สอง กระทำการ ไม่สุจริต ดัง ที่ วินิจฉัย นั้น โจทก์ จึงมีสิทธิ ขอให้ เพิกถอน นิติกรรม การ ซื้อ ที่นา พิพาท ระหว่างจำเลย ทั้ง สอง ได้ อนึ่ง ศาลอุทธรณ์ มิได้ กำหนด เวลา ให้ โจทก์ ชำระ ราคา ที่นาพิพาท คืน ศาลฎีกา เห็นว่า ไม่สมบูรณ์ เห็นสมควร กำหนด เวลา ให้โจทก์ ชำระ ราคา ไว้ ด้วย พิพากษาแก้ เป็น ว่า ให้ เพิกถอน สัญญาซื้อขาย ที่นา พิพาท เฉพาะส่วน โฉนด เลขที่ 7013 ตำบล คลองจิก อำเภอบางปะอิน จังหวัด พระนครศรีอยุธยา เนื้อที่ 15 ไร่ 2 งาน 88 ตารางวาที่ จำเลย ที่ 1 โอน ขาย ให้ แก่ จำเลย ที่ 2 แล้ว ให้ จำเลย ที่ 1 แต่ผู้เดียว โอน ที่ดิน ให้ แก่ โจทก์ โดย ให้ โจทก์ ชำระ ราคา ที่นาพิพาท ภายใน 60 วัน นับแต่ วันที่ โจทก์ ฟัง คำพิพากษา ของ ศาล นี้มิฉะนั้น ถือว่า ไม่ติดใจ ให้ จำเลย ที่ 1 โอน ที่นา พิพาท นอกจาก ที่ แก้ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์