คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3029/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าของรวมที่ดินโฉนดที่1924มีสิทธิใช้ที่ดินแปลงนี้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1360เมื่อที่ดินโฉนดที่1924มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้โจทก์ในฐานะเจ้าของที่ดินโฉนดที่28447ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินโฉนดที่1924ย่อมใช้ที่ดินโฉนดที่1924ที่โจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยออกสู่ทางสาธารณะได้ด้วยโจทก์จึงไม่มีสิทธิขอเปิดทางพิพาทเป็นทางจำเป็นไม่ว่าจะเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1349หรือมาตรา1350

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า เดิม ที่ดิน โฉนด ที่ 2365 เป็น ของจำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3 จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3 ได้ แบ่งแยก ที่ดิน ดังกล่าวเป็น แปลง ย่อย ๆ รวม 19 แปลง และ กัน ที่ดิน ตาม โฉนด เดิม ไว้ เป็นทาง เข้า ออก มี ความ กว้าง ประมาณ 4 เมตร ยาว ประมาณ 78 เมตรเพื่อ ประโยชน์ แก่ ที่ดิน ที่ แบ่งแยก โจทก์ เป็น เจ้าของ ที่ดิน โฉนดที่ 28447 ซึ่ง แบ่งแยก จาก ที่ดิน โฉนด ที่ 2365 ของ จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3และ ได้ ใช้ ที่ดิน ดังกล่าว ผ่าน เข้า ออก ทางสาธารณะ ต่อมา จำเลยทั้ง สี่ ได้ ร่วมกัน ใช้ คนงาน นำ สังกะสี มา ปิด กั้น ทาง เข้า ออก ไม่ให้ โจทก์และ บริวาร ผ่าน ที่ดิน ของ จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3 ออก สู่ ทางสาธารณะขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สี่ ร่วมกัน เปิด รั้ว สังกะสี ซึ่ง จำเลย ทั้ง สี่ร่วมกัน ปิด กั้น ให้ พ้น จาก ทาง เข้า ออก บริเวณ หน้าที่ ดิน ของ โจทก์และ ห้าม ไม่ให้ จำเลย ทั้ง สี่ เกี่ยวข้อง กับ ทางพิพาท อีก ต่อไป
จำเลย ทั้ง สี่ ให้การ ว่า เดิม ที่ดิน โฉนด ที่ 2365 เป็น ของ ย่า ของจำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3 ทิศใต้ และ ทิศตะวันตก ของ ที่ดิน ดังกล่าว จด ทางสาธารณะ นาง พูนศรี ได้ แบ่งแยก ที่ดิน เนื้อที่ 68 ตารางวา ให้ แก่ หม่อมหลวง หญิง สมาน โดย ออก โฉนด ใหม่ เป็น โฉนด ที่ 5940 และ แบ่งแยก ให้ แก่ นาง พเยาว์ สถิตายุทธ เนื้อที่ 93 ตารางวา ปี 2507นาง พูนศรี ยก ที่ดิน ส่วน ที่ เหลือ ให้ แก่ จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3 เมื่อ ปี 2525 หม่อมหลวง หญิง สมาน ได้ แบ่งแยก ที่ดิน จำนวน 30 ตารางวา โดย ออก โฉนด ใหม่ เป็น โฉนด ที่ 28447 และ โอน ขาย ต่อ กัน มา จน ถึงโจทก์ โจทก์ ไม่เคย ใช้ ทางพิพาท สู่ ทางสาธารณะ มา ก่อน โจทก์ มี บ้านปลูก อยู่ ใน ที่ดิน อีก แปลง หนึ่ง ซึ่ง มี ทางเดิน เข้า ออก อยู่ ทาง ด้านทิศเหนือ เมื่อ ปี 2532 โจทก์ สร้าง บ้าน ใน ที่ดิน ซึ่ง แบ่งแยก จาก ที่ดินของ หม่อมหลวง หญิง สมาน ได้ ขออนุญาต จาก จำเลย ที่ 4 ขอ เปิด รั้ว สังกะสี ที่ ปิด กั้น เพื่อ นำ รถยนต์บรรทุก อุปกรณ์ ก่อสร้าง มา จอด ชั่วคราวเมื่อ ครบ กำหนด ตาม ที่ ขออนุญาต แล้ว โจทก์ ไม่ทำ รั้ว กั้น ดัง เดิมจำเลย ทั้ง สี่ จึง นำ สังกะสี ทำ รั้ว ปิด กั้น เหมือนเดิม ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า ที่ดิน โฉนด ที่ 2365 ของจำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 3 เป็น ทาง จำเป็น โดย มี ความ กว้าง ประมาณ 4 เมตรยาว ประมาณ 78 เมตร ตาม แผนที่ สังเขป เอกสาร ท้ายฟ้อง ให้ จำเลยทั้ง สี่ ร่วมกัน เปิด รั้ว สังกะสี ซึ่ง จำเลย ทั้ง สี่ ร่วมกัน ปิด กั้น ให้ พ้นออกจาก ทาง เข้า ออก บริเวณ หน้าที่ ดิน ของ โจทก์ ห้าม จำเลย ทั้ง สี่ กระทำการ อันเป็น การ รบกวน การ ใช้ ทางพิพาท (ทาง จำเป็น ) ดังกล่าวของ โจทก์ อีก ต่อไป
จำเลย ทั้ง สี่ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของรวม ที่ดิน โฉนด ที่ 1924มีสิทธิ ใช้ ที่ดิน แปลง นี้ ได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1360 เมื่อ ที่ดิน โฉนด ที่ 1924 มี ทาง ออก สู่ ทางสาธารณะ ได้โจทก์ ใน ฐานะ เจ้าของ ที่ดิน โฉนด ที่ 28447 ซึ่ง อยู่ ติดกับ ที่ดิน โฉนดที่ 1924 ย่อม ใช้ ที่ดิน โฉนด ที่ 1924 ที่ โจทก์ เป็น เจ้าของรวม อยู่ ด้วยออก สู่ ทางสาธารณะ ได้ ด้วย โจทก์ จึง ไม่มี สิทธิ ขอ เปิด ทางพิพาท เป็นทาง จำเป็น ไม่ว่า จะ เป็น กรณี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1349 หรือ มาตรา 1350 ที่ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายก ฟ้องโจทก์นั้น ต้องด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกา ฎีกา ของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share