คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ตายไปบ้านจำเลยเพื่อตามภริยาซึ่งเป็นพี่สาวจำเลยกลับบ้านและผู้ตายกำลังจะเข้ามาทำร้ายคนในบ้านการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย4นัดโดยขณะนั้นผู้ตายไม่มีอาวุธจึงเป็นการป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน เหตุเกิดคดีนี้เพราะผู้ตายเป็นผู้ก่อทั้งสิ้นทั้งก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขู่เข็ญจะใช้อาวุธยิงพ่อตาของผู้ตายจนต้องไปแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจให้มาระงับเหตุครั้งหนึ่งแล้วจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนตาม พฤติการณ์แห่งคดีสมควร รอการลงโทษให้แก่จำเลยโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด5ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา56โดยวางข้อกำหนดคุมประพฤติจำเลยให้จำเลยประกอบอาชีพเป็นกิจจะลักษณะให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมไม่น้อยกว่า30ชั่วโมงและให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก3เดือนต่อครั้งในปีแรกและทุก1ปีต่อครั้งในระยะเวลาที่เหลือ

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ขอให้ ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 288 และ ริบของกลาง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ ข้อหา ฆ่า ผู้อื่น โดย อ้าง เหตุ ป้องกัน แต่รับสารภาพ ใน ข้อหา มี อาวุธปืน ไม่มี หมายเลข ทะเบียน และ เครื่องกระสุนปืนโดย ไม่ได้ รับ อนุญาต
ศาลชั้นต้น พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบ มาตรา 69 พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคแรก ความผิด ตาม มาตรา 288 ประกอบ มาตรา 69 จำคุก 4 ปี ความผิดตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน ฯ มาตรา 7, 72 วรรคแรก จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 5 ปี จำเลย รับสารภาพ ชั้นสอบสวน และ รับสารภาพ ว่า มี อาวุธปืนของกลาง ไว้ ใน ครอบครอง เมื่อ สืบพยานโจทก์ ไป บ้าง แล้ว ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สามตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คง จำคุก 3 ปี 4 เดือน ริบของกลาง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา โดย ผู้พิพากษา ซึ่ง พิจารณา และ ลงชื่อ ใน คำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาต ให้ ฎีกา ใน ปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว จำเลย ฎีกา ข้อ แรก ว่าการกระทำ ของ จำเลย เป็น การ ป้องกัน พอสมควร แก่ เหตุ ข้อเท็จจริง ฟังได้ว่า ขณะ เกิดเหตุ ผู้ตาย ไม่มี อาวุธปืน และ หัน ปาก กระบอกปืน เข้า มาใน บ้าน เห็นว่า ผู้ตาย เป็น พี่เขย จำเลย เหตุ ที่ ผู้ตาย ไป บ้าน จำเลยก็ เพื่อ ตาม ภริยา ซึ่ง เป็น พี่สาว จำเลย กลับ บ้าน ผู้ตาย และ ผู้ตายกำลัง จะ เข้า มา ทำร้าย คน ใน บ้าน เกิดเหตุ แต่ ขณะ นั้น ผู้ตาย ไม่มี อาวุธการ ที่ จำเลย ใช้ อาวุธปืน ยิง ผู้ตาย 4 นัด จึง เป็น การ ป้องกัน เกินกว่ากรณี แห่ง การ จำต้อง กระทำ เพื่อ ป้องกัน ฎีกา จำเลย ข้อ นี้ ฟังไม่ขึ้นส่วน ที่ จำเลย ฎีกา ข้อ สุดท้าย ขอให้ ลงโทษ จำเลย สถาน เบา และ รอการลงโทษจำเลย นั้น เห็นว่า เหตุ เกิด ใน คดี นี้ เพราะ ผู้ตาย เป็น ผู้ ก่อ ทั้งสิ้นทั้ง ได้ความ จาก คำเบิกความ ของ นาย วงษ์ พุฒสาม บิดา จำเลย พยานโจทก์ ด้วย ว่า ก่อน จะ เกิดเหตุ คดี นี้ ผู้ตาย ได้ ขู่เข็ญ จะ ใช้ อาวุธปืน ยิงนาย วงษ์ ซึ่ง เป็น พ่อตา ผู้ตาย จน ต้อง ไป แจ้งความ ต่อ เจ้าพนักงาน ตำรวจ ให้ มา ระงับ เหตุ ครั้งหนึ่ง แล้ว ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง กำหนด โทษมา นั้น หนัก เกิน ไป ทั้ง จำเลย ไม่เคย ต้องโทษ จำคุก มา ก่อน ตาม พฤติการณ์แห่ง คดี เห็นควร รอการลงโทษ ให้ จำเลย เพื่อ ให้ โอกาส จำเลย กลับ ตัวเป็น คนดี ต่อไป ฎีกา จำเลย ข้อ นี้ ฟังขึ้น ”
พิพากษาแก้ เป็น ว่า ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบ มาตรา 69 ให้ จำคุก 2 ปี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน ฯมาตรา 7, 72 วรรคแรก จำคุก 1 ปี รวม จำคุก 3 ปี จำเลย ให้การ รับสารภาพ ชั้นสอบสวน และ เมื่อ สืบพยานโจทก์ ไป บ้าง แล้ว จำเลย ให้การ รับว่า ใช้ อาวุธปืน ยิง ผู้ตาย แต่ เป็น การ ป้องกัน โดยชอบ ด้วย กฎหมาย และรับสารภาพ ข้อหา มี อาวุธปืน และ เครื่องกระสุนปืน โดย ไม่ได้ รับ อนุญาตมีเหตุ บรรเทา โทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษ ให้ หนึ่ง ใน สามคง จำคุก 2 ปี โทษ จำคุก ให้ รอการลงโทษ ไว้ มี กำหนด 5 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 โดย วาง ข้อกำหนด คุมประพฤติ จำเลย ให้จำเลย ประกอบ อาชีพ ให้ เป็น กิจจะลักษณะ ให้ จำเลย กระทำ กิจกรรม บริการสังคม ไม่ น้อยกว่า 30 ชั่วโมง และ ให้ จำเลย ไป รายงาน ตัว ต่อ พนักงานคุมประพฤติ ทุก 6 เดือน ต่อ ครั้ง ใน ปี แรก และ ทุก 1 ปี ต่อ ครั้ง ในระยะเวลา ที่ เหลือ นอกจาก ที่ แก้ ให้ เป็น ไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ภาค 3

Share