คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2466/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เช่าที่ดินเพื่อดำเนินธุรกิจเพาะพันธุ์ปลาเป็นการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นถือไม่ได้ว่าเป็นการเช่านาตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมพ.ศ.2524ต้องนำมาตรา63แห่งพระราชบัญญัตินี้ที่การคุ้มครองต้องมีพระราชกฤษฎีกาออกมาใช้บังคับซึ่งขณะนี้ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวกรณีจึงไม่อยู่ในอำนาจของ คจก.ตำบล และ คจก.จังหวัดจะพิจารณา

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งบังคับผู้คัดค้านทั้งสองขายที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องในราคา700,000บาทหากไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำสั่งของศาลแทนการแสดงเจตนาของผู้คัดค้านทั้งสอง
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำคัดค้านว่าคำวินิจฉัยของคณะบุคคลเมื่อวันที่3สิงหาคม2530ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะมิใช่บุคคลตามที่กฎหมายกำหนดจึงไม่เป็นคจก.จังหวัดตามกฎหมายและผู้ร้องเป็นคนต่างด้าวเพิ่งได้สัญชาติไทยในวันที่7พฤษภาคม2529จึงเป็นบุคคลต้องห้ามตามประมวลกฎหมายที่ดินผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจฟ้องทั้งผู้ร้องเช่าที่ดินจากนาง ปิ่นเพื่อเลี้ยงปลามิได้เช่าทำนาจึงไม่อยู่ในบังคับแห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและผู้ร้องไม่เคยร้องขอต่อคจก.ตำบล องครักษ์ มีแต่เพียงนาย สมเกียรติไตรพัฒนาพร ที่ร้องขอความเป็นธรรมให้คจก.ตำบล องครักษ์ วินิจฉัยให้ผู้คัดค้านทั้งสองขายที่ดินพิพาทให้แก่นาย สมเกียรติโดยมิได้ดำเนินการในฐานะผู้รับมอบอำนาจจากผู้ร้องคจก.ตำบล องครักษ์เป็นผู้มีส่วนได้เสียกับผู้ร้องจึงไม่ใช่ผู้เป็นกลางผู้ร้องเช่าที่ดินพิพาทเพียง40ไร่ส่วนอีก10ไร่26ตารางวาซึ่งอยู่ติดถนนสาย รังสิต-นครนายก ผู้ร้องมิได้เช่าด้วยและเรื่องนี้ผู้ร้องเคยขอให้คจก.จังหวัดนครนายกยื่นคำร้องต่อศาลมาครั้งหนึ่งแล้วโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันจึงเป็นการร้องซ้ำขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้คัดค้านทั้งสองขายที่ดินโฉนดเลขที่2284ตำบล องครักษ์อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายกเนื้อที่50ไร่26ตารางวาราคา700,000บาทให้แก่ผู้ร้องหากผู้คัดค้านทั้งสองไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของผู้คัดค้านทั้งสอง
ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของผู้คัดค้านทั้งสอง
ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า”เห็นว่าจากหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเอกสารหมายร.4ผู้ร้องเช่าที่ดินพิพาทเพื่อดำเนินธุรกิจฟาร์มเพาะพันธุ์ปลามิได้เช่าที่ดินพิพาทเพื่อใช้ทำนาจึงถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่านาตามความหมายในพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524เป็นการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นจึงต้องนำมาตรา63แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาใช้บังคับซึ่งมีใจความว่ากรณีที่รัฐบาลเห็นสมควรให้มีการควบคุมการเช่าที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นนอกจากการเช่านาให้กระทำโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกาแต่จนบัดนี้ยังไม่มีการตราพระราชกฤษฎีกาให้มีการควบคุมการประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นใดอีกผู้ร้องจึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายดังกล่าวกรณีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่คจก.ตำบลองครักษ์ และคจก.จังหวัดนครนายกจะพิจารณาได้ดังนั้นคำชี้ขาดของคจก.จังหวัดนครนายกที่ให้ผู้คัดค้านขายที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้องจึงเป็นคำชี้ขาดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าวข้างต้นศาลชั้นต้นต้องปฏิเสธไม่รับบังคับตามคำชี้ขาดตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ.2524มาตรา58วรรคหนึ่งประกอบพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการพ.ศ.2530มาตรา24ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาบังคับตามคำชี้ขาดของคจก.จังหวัดนครนายกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงเป็นคำพิพากษาที่ฝ่าฝืนต่อบทกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนผู้คัดค้านทั้งสองจึงมีสิทธิอุทธรณ์ได้ตามข้อยกเว้นของมาตรา26(2)แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการพ.ศ.2530ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้คัดค้านทั้งสองนั้นไม่ชอบฎีกาผู้คัดค้านทั้งสองข้อนี้ฟังขึ้นและไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของผู้คัดค้านทั้งสองอีกต่อไป”
พิพากษากลับให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

Share