คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พยานโจทก์เบิกความยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนของกลางยิงผู้เสียหายเพราะพนักงานสอบสวนเบิกความรับว่าอาวุธปืนที่ยิงมา3ถึง4วันถ้าไม่ล้างทำความสะอาดเมื่อหักลำกล้องดมดูอาจมีกลิ่นไหม้อยู่ได้พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายหรือไม่ โจทก์ไม่มีพยานมาสืบว่าจำเลยนำอาวุธปืนลูกซองกระบอกอื่นมาตอกหมายเลขทะเบียนลงไปใหม่ในอาวุธปืนของกลางคงมีแต่คำรับสารภาพชั้นจับกุมและ ชั้นสอบสวนของจำเลยเพียงอย่างเดียวซึ่งจำเลยได้ ให้การปฏิเสธในชั้นศาล พยานหลักฐานโจทก์ยัง ไม่พอฟังลงโทษจำเลยใน ฐานปลอมเอกสารราชการและฟังไม่ได้ว่าอาวุธปืนของกลางเป็นคนละกระบอกกับอาวุธปืนที่จำเลยได้รับอนุญาตให้มีและใช้อันจะเป็นความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตส่วนความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวโดยไม่ได้รับอนุญาตเมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายจึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้ไม่ได้เช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 10 มีนาคม 2534 เวลา กลางวัน จำเลยปลอมเอกสาร หมายเลข ทะเบียน อาวุธปืน ซึ่ง เป็น เอกสารราชการ โดย จำเลยซึ่ง ได้รับ อนุญาต ให้ มี และ ใช้ อาวุธปืน ลูกซอง สั้น ขนาด เบอร์ 12หมาย สฏ. 11/345 และ นายทะเบียน ได้ ตอก หมายเลข ทะเบียน อาวุธปืนหมายเลข สฏ. 11/345 ลง ที่ ตัว อาวุธปืน ของ จำเลย ต่อมา อาวุธปืนของ จำเลย ชำรุด เสียหาย ใช้ การ ไม่ได้ จำเลย นำ อาวุธปืน ลูกซอง สั้นขนาด เบอร์ 12 กระบอก อื่น ซึ่ง มี ลักษณะ เดียว กัน กับ อาวุธปืน กระบอก เดิมมา ตอก หมายเลข ทะเบียน สฏ. 11/345 ลง ที่ ตัว กระบอก ใหม่ ขึ้น เอง ทั้งหมดแล้ว นำ อาวุธปืน ที่ ตอก หมายเลข ทะเบียน ดังกล่าว มา ใช้ แทน อาวุธปืนกระบอก เดิม ซึ่ง จำเลย ได้รับ อนุญาต โดย เจตนา ที่ จะ ให้ ผู้หนึ่ง ผู้ใดหลงเชื่อ ว่า เป็น เอกสาร ที่ แท้จริง โดย ประการ ที่ น่า จะ เกิด ความเสียหายแก่ นายทะเบียน อาวุธปืน ผู้อื่น หรือ ประชาชน จำเลย มี อาวุธปืนลูกซอง สั้น ขนาด เบอร์ 12 จำนวน 3 นัด ไว้ ใน ครอบครอง โดย ไม่ได้รับ อนุญาต และ พา อาวุธปืน ดังกล่าว ติดตัว ไป ใน เมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดย ไม่ได้ รับ อนุญาต ให้ มี อาวุธปืน ติดตัว จำเลย ใช้ อาวุธปืน ดังกล่าวยิง ประทุษร้าย นาย ออลิน สร้อยทอง ผู้เสียหาย 2 นัด โดย เจตนาฆ่า และ ไตร่ตรอง ไว้ ก่อน กระสุนปืน ถูก ที่ ต้นขา ซ้าย จำเลย ลงมือ กระทำความผิด ไป ตลอด แล้ว แต่ การกระทำ ไม่บรรลุผล เนื่องจาก กระสุนปืนไม่ ถูก อวัยวะ สำคัญ ผู้เสียหาย จึง ไม่ถึง แก่ ความตาย สม ดัง เจตนา ของจำเลย แต่ เป็นเหตุ ให้ ผู้เสียหาย ได้รับ อันตรายสาหัส เหตุ เกิด ที่ตำบล คลองชะอุ่น อำเภอพนม จังหวัด สุราษฎร์ธานี ใน วัน ดังกล่าว เจ้าพนักงาน จับ จำเลย ได้ พร้อม อาวุธปืน และ เครื่องกระสุนปืน จำนวน1 นัด เป็น ของกลาง ขอให้ ลงโทษ ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืนพ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ , 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 91, 265, 288, 289 และ ริบของกลาง
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ฐาน พยายามฆ่าผู้อื่น โดย ไตร่ตรอง ไว้ ก่อน ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)ประกอบ มาตรา 80 มาตรา 52(1) ลงโทษ จำคุก ตลอด ชีวิต มี ความผิดฐาน ปลอมเอกสาร ราชการ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 จำคุก 2 ปีมี ความผิด ตาม พระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิวรรคหนึ่ง , 72 วรรคหนึ่ง , 72 ทวิ วรรคสอง ฐาน มี อาวุธปืน ไว้ ใน ครอบครองโดย ไม่ได้ รับ อนุญาต จำคุก 1 ปี ฐาน พา อาวุธปืน ติดตัว โดย ไม่ได้ รับอนุญาต จำคุก 6 เดือน เมื่อ ลงโทษ จำคุก ฐาน พยายามฆ่า โดย ไตร่ตรองไว้ ก่อน ตลอด ชีวิต แล้ว จึง ไม่อาจ เรียง กระทง ลงโทษ ได้ อีก คง ลงโทษจำคุก จำเลย ตลอด ชีวิต ริบของกลาง
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง อาวุธปืน ลูกซอง สั้นหมายเลข ทะเบียน สฏ.11/345 และ กระสุนปืน 1 นัด ของกลาง ไม่ปรากฏ ว่าได้ ใช้ ใน การกระทำ ผิด จึง ไม่ ริบ
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว ข้อเท็จจริง เบื้องต้นฟังได้ ว่า ตาม วัน เวลา และ สถานที่เกิดเหตุ ตาม ฟ้อง ผู้เสียหาย ถูก คนร้ายใช้ อาวุธปืน ยิง ถูก ที่ ต้นขา ซ้าย ได้รับ บาดเจ็บ ใน วันเดียว กันเจ้าพนักงาน ตำรวจ จับ จำเลย ได้ พร้อม อาวุธปืน ลูกซอง สั้น ขนาด เบอร์ 12หมายเลข ทะเบียน สฏ. 11/345 และ กระสุนปืน 1 นัด เป็น ของกลางมี ปัญหา ต้อง วินิจฉัย ตาม ฎีกา ของ โจทก์ ว่า จำเลย กระทำ ความผิด ตาม ฟ้องหรือไม่ โจทก์ มี ผู้เสียหาย เบิกความ ว่า ผู้เสียหาย จูง รถจักรยานออกจาก บ้านพัก ไป ประมาณ 30 เมตร ก็ มี เสียง ปืน ดัง มาจาก ทาง ด้านซ้ายซึ่ง เป็น สวน ยางพารา 1 นัด รู้สึก เจ็บ ที่ ขา ซ้าย จึง กลิ้ง ตัว หลบข้างทาง มอง ไป ทาง เสียง ปืน ไม่เห็น คน ยิง จึง กลับมา บ้าน บอกนาง อรวรรณ อินตา ภริยา และ นางสาว นิยม สร้อยทอง น้องสาว ว่า ถูก ยิง ให้ คน ทั้ง สอง ไป เอา รถจักรยาน ใน ที่เกิดเหตุ นาง อรวรรณกับนางสาวนิยม ออก ไป ประมาณ 20 นาที ก็ กลับมา และ นำ รถยนต์กระบะ มา พา ผู้เสียหายไป ส่ง โรงพยาบาล เกิดเหตุ แล้ว 2 วัน ผู้เสียหาย จึง ทราบ จากนาง อรวรรณ ว่า จำเลย เป็น คนร้าย นาง อรวรรณ พยานโจทก์ เบิกความ ว่า เมื่อ เสียง ปืน ดัง ขึ้น ได้ ออกจาก ใน บ้าน ไป ดู ผู้เสียหาย ตอน ลง จาก บ้านพยาน มอง ไป ทาง หน้า บ้าน เห็น คนร้าย เป็น จำเลย วิ่ง เข้า สวน ยางพาราห่าง ประมาณ 1 เส้น แต่ นาง อรวรรณ ภริยา ผู้เสียหาย เบิกความ ตอบ ทนายจำเลย ถาม ค้าน ว่า พยาน เห็น คนร้าย เป็น ผู้ชาย วิ่ง ไป ก็ เพียงแต่ เห็นรูปร่าง และ เห็น ด้าน ข้าง ตอน นั้น ไม่ทราบ ว่า เป็น ใคร จน กระทั่ง ตำรวจมา บอก ที่ โรงพยาบาล ว่า จับ จำเลย ได้ แล้ว พยาน จึง บอก ผู้เสียหาย ว่าสงสัย คนร้าย จะ เป็น จำเลย จึง ฟัง ไม่ได้ ว่า นาง อรวรรณ เห็น จำเลย เป็น คนร้าย หลัง เกิดเหตุ นางสาว นิยม พยานโจทก์ อีก ปาก หนึ่ง เบิกความ ว่า หลังจาก ผู้เสียหาย ถูก ยิง แล้ว ผู้เสียหาย บอก ให้นาง อรวรรณ พา ไป ส่ง โรงพยาบาล นาง อรวรรณ ได้ ชวน พยาน ไป เอา รถจักรยานยนต์ ที่ บ้าน มารดา เมื่อ เดิน ห่าง จาก บ้าน ประมาณ 100 เมตรพบ จำเลย หน้า ซีดดู แปลก ไป และ สิบตำรวจเอก อนุ รัตนแก้ว ที่ เบิกความ ว่า เมื่อ จับ จำเลย ได้ ใน วันเกิดเหตุ ตรวจค้น ตัว พบ อาวุธปืน ลูกซอง สั้นเหมือนกับ เพิ่ง ใช้ ยิง มา ใหม่ ๆ พยานโจทก์ ทั้ง สอง ที่ เบิกความ ดังกล่าวมา ก็ ยัง ฟัง ไม่ได้ ว่า จำเลย เป็น คนร้าย ที่ ใช้ อาวุธปืน ของกลางยิง ผู้เสียหาย เพราะ ร้อยตำรวจเอก มาโนชน์ จันทวงศ์ พนักงานสอบสวน เบิกความ รับ ว่า อาวุธปืน ที่ ยิง มา 3 ถึง 4 วัน ถ้า ไม่ ล้าง ทำ ความสะอาดเมื่อ หัก ลำกล้อง ดมดู อาจ มี กลิ่น ไหม้ อยู่ ได้ พยานหลักฐาน ที่ โจทก์ นำสืบมา จึง มี ความ สงสัย ตาม สมควร ว่า จำเลย เป็น คนร้าย ที่ ใช้ อาวุธปืน ยิงผู้เสียหาย หรือไม่ ให้ยก ประโยชน์ แห่ง ความ สงสัย นั้น ให้ จำเลย
ส่วน ข้อหา ความผิด ฐาน ปลอมเอกสาร รายการ และ ฐาน มี อาวุธปืน ไว้ ในครอบครอง โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต กับ ฐาน พา อาวุธปืน ติดตัว ไป ใน เมืองหมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะ โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต ให้ มี อาวุธปืน ติดตัว นั้นโจทก์ ไม่มี พยาน มา สืบ ว่า จำเลย นำ อาวุธปืน ลูกซอง กระบอก อื่น มา ตอกหมายเลข ทะเบียน สฏ. 11/345 ลง ไป ใหม่ แต่อย่างใด คง มี แต่ คำรับสารภาพชั้น จับกุม และ ชั้นสอบสวน ของ จำเลย ตาม เอกสาร หมาย จ. 6 และ จ. 9เพียง อย่างเดียว ซึ่ง จำเลย ได้ ให้การ ปฏิเสธ ใน ชั้น ศาล พยานหลักฐานโจทก์ ยัง ไม่พอ ฟัง ลงโทษ จำเลย ใน ฐาน ปลอมเอกสาร ราชการ และ ฟัง ไม่ได้ ว่าอาวุธปืน ของกลาง เป็น คน ละ กระบอก กับ อาวุธปืน ที่ จำเลย ได้รับ อนุญาตให้ มี และ ใช้ ตาม ใบอนุญาต เอกสาร หมาย จ. 5 อัน จะ เป็น ความผิด ฐาน มีอาวุธปืน ไว้ ใน ครอบครอง โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต ส่วน ความผิด ฐาน พา อาวุธปืนติดตัว โดย ไม่ได้ รับ อนุญาต เมื่อ ข้อเท็จจริง ฟัง ไม่ได้ ว่า จำเลยเป็น คนร้าย ราย นี้ จึง ลงโทษ จำเลย ใน ความผิด ฐาน นี้ ไม่ได้ เช่นกันที่ ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษายก ฟ้อง ศาลฎีกา เห็นพ้อง ด้วย ฎีกา ของ โจทก์ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน

Share