แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยที่2ให้การว่าไม่เคยทำสัญญาค้ำประกันกับโจทก์ลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าวเป็นลายมือปลอมแต่จำเลยที่2กลับไม่สนใจมาเบิกความเป็นพยานเพื่อสนับสนุนข้อต่อสู้ของตนและก็ไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยที่2จะสืบ ส. และ ศ. ตามที่ยื่นคำร้องและแถลงขอให้ศาลชั้นต้นส่งประเด็นไปสืบที่ศาลอื่นในข้อใดเพียงใดและในฎีกาของจำเลยที่2ก็มิได้กล่าวให้ชัดแจ้งว่าจะสืบพยานทั้งสองปากในข้อใดแค่ไหนเพียงใดการที่จำเลยที่2ขอส่งประเด็นไปสืบที่ศาลอื่นดังกล่าวจึงเป็นการประวิงคดี
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ที่ 1 ได้ ทำ หนังสือ รับสภาพหนี้ แก่ โจทก์ยอมรับ ว่า เป็น หนี้ เบิกเงินเกินบัญชี เพียง วันที่ 30 พฤษภาคม 2529จำนวน 730,789.57 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ย และ จะ ผ่อนชำระ หนี้ ให้ โจทก์ไม่ ต่ำกว่า เดือน ละ 50,000 บาท จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 5 ได้ ค้ำประกันการ ชำระหนี้ ของ จำเลย ที่ 1 ต่อ โจทก์ ตาม หนังสือ รับสภาพหนี้ โดย ยอมรับผิด อย่าง ลูกหนี้ ร่วม ตั้งแต่ ทำ หนังสือ รับสภาพหนี้ จำเลย ที่ 1ผ่อนชำระ เงิน บางส่วน แต่ ไม่เป็น ไป ตาม หนังสือ รับสภาพหนี้ ขอให้บังคับ จำเลย ทั้ง ห้า ชำระ เงิน 423,113.76 บาท พร้อม ด้วย ดอกเบี้ยร้อยละ 17.5 ต่อ ปี ใน ต้นเงิน 503,295.63 บาท นับ ถัด จาก วันฟ้อง แก่ โจทก์
จำเลย ทั้ง ห้า ให้การ ต่อสู้ คดี หลาย ประการ ขอให้ ยกฟ้อง
เมื่อ โจทก์ สืบพยาน เสร็จสิ้น ใน วันนัด สืบพยาน จำเลย ทั้ง ห้าเมื่อ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2534 ทนายจำเลย ทั้ง ห้า ยื่น คำร้อง ต่อศาลชั้นต้น ว่า ตาม ที่ ทนายจำเลย ทั้ง ห้า แถลงว่า ยัง ติดใจ สืบ ตัว จำเลยที่ 2 ที่ 3 นาย สวรรค์ สุรชัย และนางสาวศิริวรรณ พรหมเมือง ตาม บัญชีพยาน เพิ่มเติม ครั้งที่ 2 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2534 อันดับที่ 4 และ ที่ 5 นั้น จำเลย ทั้ง ห้า ไม่ติดใจ สืบ ตัว จำเลย ที่ 2 ที่ 3แต่ ติดใจ สืบ นาย สวรรค์ กับ นางสาว ศิริวรรณ ซึ่ง มี ภูมิลำเนา อยู่ จังหวัด สกลนคร ขอให้ ศาล ส่ง ประเด็น ไป สืบ นาย สวรรค์ กับ นางสาว ศิริวรรณ ที่ ศาลจังหวัด สกลนคร ทนายโจทก์ แถลง คัดค้าน ว่า จำเลย ทั้ง ห้า มี พฤติการณ์ ประวิงคดี ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ว่า พิเคราะห์แล้ว จำเลย ทั้ง ห้า ต่อสู้ ว่า จำเลย ที่ 1 ไม่ได้ ทำ สัญญา เบิกเงินเกิน บัญชี และ ไม่ได้ ทำ หนังสือ รับสภาพหนี้ จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 5ไม่ได้ ทำ สัญญาค้ำประกัน ลายมือชื่อ ใน เอกสาร ต่าง ๆ ไม่ใช่ ลายมือชื่อของ จำเลย ทั้ง ห้า ใน การ สืบพยาน จำเลย ทั้ง ห้า นั้น จำเลย ทั้ง ห้าได้ เลื่อนคดี มา หลาย ครั้ง แทนที่ จำเลย ทั้ง ห้า จะ นำ จำเลย ที่ 2 ที่ 3มา สืบ ปฏิเสธ ลายมือชื่อ กลับ จะ สืบพยาน อื่น ซึ่ง มี ภูมิลำเนา อยู่ต่างจังหวัด พฤติการณ์ ของ จำเลย ทั้ง ห้า เป็น การ ประวิงคดี จึง ไม่อนุญาตให้ยก คำร้อง ค่า คำร้อง ให้ เป็น พับ แล้ว ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลยทั้ง ห้า ร่วมกัน ชำระ เงิน 423,113.76 บาท แก่ โจทก์ พร้อม ด้วยดอกเบี้ย ร้อยละ 17.5 ต่อ ปี ใน ต้นเงิน 403,295.63 บาท นับแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2534 จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ
จำเลย ทั้ง ห้า อุทธรณ์ คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “จำเลย ที่ 2 ให้การ ว่า ไม่เคย ตกลง ทำสัญญาค้ำประกัน ให้ โจทก์ ลายมือชื่อ ใน สัญญาค้ำประกัน เอกสาร ท้ายฟ้องหมายเลข 6 ไม่ใช่ ลายมือชื่อ ที่ แท้จริง ของ จำเลย ที่ 2 และ เป็นลายมือชื่อปลอม วันนัด สืบพยาน จำเลย นัดแรก ศาลชั้นต้น สืบพยาน จำเลยได้ 1 ปาก ทนายจำเลย ที่ 2 แถลง ขอ สืบ ตัว จำเลย ที่ 2 แต่ ใน วัน ดังกล่าวจำเลย ที่ 2 โทรศัพท์ แจ้ง ว่า ติด ธุระ ขอเลื่อน นัด ที่ สอง สืบพยานจำเลย ได้ 2 ปาก ทนายจำเลย ที่ 2 แถลงว่า ติดต่อ จำเลย ที่ 2ไม่ได้ ขอเลื่อน นัด ที่ สาม ทนายจำเลย ที่ 2 ขอเลื่อน อ้างว่า ป่วยนัด ที่ สี่ ทนายจำเลย ที่ 2 ยื่น คำร้อง และ แถลงว่า ไม่ติดใจ สืบ ตัวจำเลย ที่ 2 แต่ ติดใจ สืบ นาย สวรรค์ และ นางสาว ศิริวรรณ ขอส่ง ประเด็น ไป สืบ ที่ ศาลจังหวัด สกลนคร ทนายโจทก์ แถลง คัดค้าน ว่า จำเลย ที่ 2มี พฤติการณ์ ประวิงคดี จำเลย ที่ 2 ฎีกา ว่า จำเลย ที่ 2 มีสิทธิจะ ส่ง ประเด็น ไป สืบ ได้ไม่ เป็น การ ประวิงคดี เห็นว่า จำเลย ที่ 2ให้การ ว่า ไม่เคย ทำ สัญญาค้ำประกัน กับ โจทก์ ลายมือชื่อ ใน เอกสารดังกล่าว เป็น ลายมือ ปลอม แต่ ปรากฏว่า จำเลย ที่ 2 กลับ ไม่ สนใจมา เบิกความ เป็น พยาน ต่อ ศาล เพื่อ สนับสนุน ข้อต่อสู้ ของ ตน นาย สวรรค์ และ นางสาว ศิริวรรณ ที่ ทนายจำเลย ที่ 2 ยื่น คำร้อง และ แถลง ขอให้ ศาลชั้นต้น ส่ง ประเด็น ไป สืบ ที่ ศาลจังหวัด สกลนคร ก็ ไม่ปรากฏ ว่าจำเลย ที่ 2 จะ สืบ ใน ข้อ ใด เกี่ยวกับ ข้อต่อสู้ ของ จำเลย ที่ 2 เพียงใดคง กล่าว ลอย ๆ ว่า ขอให้ ส่ง ประเด็น ไป สืบ เท่านั้น ใน ฎีกา ของ จำเลย ที่ 2ก็ มิได้ กล่าว ให้ ชัดแจ้ง ว่า จำเลย ที่ 2 จะ สืบพยาน ทั้ง สอง ปาก ใน ข้อ ใดเกี่ยวกับ ประเด็น ข้อพิพาท แค่ไหน เพียงใด พฤติการณ์ ของ จำเลย ที่ 2จึง เป็น การ ประวิงคดี ฎีกา จำเลย ที่ 2 ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน