คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8016/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่4เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากรถยนต์ที่รับประกันภัยไว้ก่อให้เกิดขึ้นข้อที่ว่าจำเลยที่4รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้จากผู้ใดเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยที่4ทราบดีอยู่แล้วแม้โจทก์ไม่ได้กล่าวในฟ้องว่าใครเป็นผู้เอาประกันภัยก็ไม่ทำให้เป็นฟ้องเคลือบคลุม แม้จำเลยที่2ผู้เอาประกันภัยจะปฎิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยโดยไม่แจ้งเหตุให้จำเลยที่4ซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยทราบทันทีก็เป็นเรื่องที่จำเลยที่4จะกล่าวเอาแก่จำเลยที่2ผู้เป็นคู่สัญญาจำเลยที่4จะยกเหตุดังกล่าวมาอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยระหว่างจำเลยที่2กับจำเลยที่4หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า เมื่อ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2533 จำเลย ที่ 1ขับ รถยนต์บรรทุก หมายเลข ทะเบียน 80-1204 สมุทรสงคราม ซึ่งเอา ประกันภัย ไว้ แก่ จำเลย ที่ 4 ไป ใน ทางการที่จ้าง ของ จำเลย ที่ 2และ ที่ 3 ด้วย ความประมาท ชน รถยนต์ หมายเลข ทะเบียน 8ช-208กรุงเทพมหานคร ที่ โจทก์ รับประกัน ภัย ไว้ ได้รับ ความเสียหาย เป็น เงินค่าซ่อม รวม 6,225 บาท โจทก์ จ่าย ค่าซ่อม แทน ผู้เอาประกันภัยไป แล้ว จึง รับช่วงสิทธิ มา ฟ้อง ให้ จำเลย ทั้ง สี่ ร่วมกัน รับผิด ใช้ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ พร้อม ดอกเบี้ย ถึง วันฟ้อง เป็น เงิน 421 บาทขอให้ บังคับ จำเลย ทั้ง สี่ ร่วมกัน ชำระ เงิน จำนวน 6,646 บาท แก่ โจทก์พร้อม ดอกเบี้ย
จำเลย ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 ขาดนัด ยื่นคำให้การ และ ขาดนัดพิจารณา
จำเลย ที่ 4 ให้การ ว่า ฟ้องโจทก์ เคลือบคลุม เพราะ มิได้บรรยายฟ้อง ว่า จำเลย ที่ 4 รับประกัน ภัย ไว้ จาก ใคร ผู้ใด เป็นผู้เอาประกันภัย จำเลย ที่ 1 ไม่ได้ เป็น ลูกจ้าง หรือ ตัวแทน ของ จำเลยที่ 2 และ ที่ 3 เหตุ ไม่ได้ เกิดจาก ความประมาท ของ จำเลย ที่ 1โจทก์ ไม่เสีย หาย ตาม ฟ้อง และ จำเลย ที่ 4 ไม่ต้อง รับผิด เนื่องจากจำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ไม่แจ้งเหตุ ให้ จำเลย ที่ 4 ทราบ ทันที ตามข้อตกลง ใน สัญญาประกันภัย ทำให้ จำเลย ที่ 4 เสีย สิทธิ ต่าง ๆตาม สัญญาประกันภัย ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ให้ จำเลย ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 4ร่วมกัน ชำระ เงิน จำนวน 6,225 บาท แก่ โจทก์ พร้อม ดอกเบี้ยยกฟ้อง โจทก์ สำหรับ จำเลย ที่ 3
จำเลย ที่ 4 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ที่ จำเลย ที่ 4 ฎีกา ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เพราะ โจทก์ ไม่ได้ บรรยายฟ้อง ว่า จำเลย ที่ 4 รับประกัน ภัยรถยนต์ ไว้ จาก ผู้ใด อัน จะ เป็นเหตุ ให้ จำเลย ที่ 4 ต้อง รับผิด ต่อ โจทก์นั้น ศาลฎีกา เห็นว่า ตาม คำฟ้อง โจทก์ ได้ บรรยาย ไว้ ว่า จำเลย ที่ 4เป็น ผู้รับประกันภัย รถยนต์ หมายเลข ทะเบียน 80-1204 สมุทรสงครามจึง มี หน้าที่ ต้อง รับผิด ต่อ บุคคลภายนอก ที่ ได้รับ ความเสียหาย จำเลยที่ 4 ต้อง ร่วม กับ จำเลย ที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 3 รับผิด ใช้ ค่าเสียหายแก่ โจทก์ และ ตาม คำให้การ จำเลย ที่ 4 ก็ ไม่ได้ ปฎิเสธว่า ไม่ได้เป็น ผู้รับประกันภัย รถยนต์ หมายเลข ทะเบียน 80-1204 สมุทรสงครามเมื่อ จำเลย ที่ 4 เป็น ผู้รับประกันภัย รถยนต์ คัน ดังกล่าว จึง ต้องรับผิดชอบ ชดใช้ ค่าเสียหาย อัน เกิดจาก รถยนต์ ที่ รับประกัน ภัย ไว้ก่อ ให้ เกิดขึ้น ข้อ ที่ ว่า จำเลย ที่ 4 รับประกัน ภัย รถยนต์ คัน ดังกล่าวไว้ จาก ผู้ใด เป็น ข้อเท็จจริง ที่ จำเลย ที่ 4 ทราบ ดี อยู่ แล้ว ว่าจำเลย ที่ 2 เป็น ผู้เอาประกันภัย เมื่อ โจทก์ ได้รับ ความเสียหายจาก รถยนต์ ที่ จำเลย ที่ 4 รับประกัน ภัย ก็ ย่อม เรียก ให้ จำเลย ที่ 4ชดใช้ ค่าเสียหาย แก่ โจทก์ ได้ การ ที่ โจทก์ ไม่ได้ กล่าว ถึง ว่าใคร เป็น ผู้เอาประกันภัย รถยนต์ คัน ที่ จำเลย ที่ 4 รับประกัน ภัยจึง ไม่ทำ ให้ คำฟ้อง ของ โจทก์ ที่ แสดง โดย แจ้งชัด ซึ่ง สภาพแห่งข้อหาและ คำขอบังคับ ทั้ง ข้ออ้าง ที่อาศัย เป็น หลักแห่งข้อหา เช่นว่า นั้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง กลาย เป็นฟ้อง ที่ เคลือบคลุม
ที่ จำเลย ที่ 4 ฎีกา ว่า จำเลย ที่ 4 ไม่ต้อง รับผิด ตาม สัญญาประกันภัย เพราะ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ไม่แจ้งเหตุ ให้ จำเลย ที่ 4ทราบ ทันที ตาม ข้อตกลง ใน กรมธรรม์ประกันภัย ซึ่ง จำเลย ที่ 4 สามารถยกขึ้น เป็น ข้อต่อสู้ โจทก์ ผู้ที่ จะ ได้รับ ประโยชน์ ตาม สัญญาประกันภัยค้ำจุน ได้ ศาลฎีกา เห็นว่า เมื่อ ข้อเท็จจริง ฟังได้ ว่า จำเลย ที่ 4เป็น ผู้รับประกันภัย รถยนต์ ที่ จำเลย ที่ 1 ขับ ไว้ จาก จำเลย ที่ 2ซึ่ง เป็น นายจ้าง ของ จำเลย ที่ 1 แม้ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ไม่ได้แจ้ง อุบัติเหตุ ให้ จำเลย ที่ 4 ทราบ อันเป็น การ ปฏิบัติ ผิด เงื่อนไขใน กรมธรรม์ประกันภัย ก็ ตาม ก็ เป็น เรื่อง ที่ จำเลย ที่ 4 ผู้รับประกันภัย จะ ว่ากล่าว เอา แก่ จำเลย ที่ 2 ผู้รับประกันภัย ผู้เป็นคู่สัญญา แต่ จะ ยก เหตุ แห่ง การ ผิด เงื่อนไข ดังกล่าว ขึ้น อ้าง เพื่อปฎิเสธความรับผิด ต่อ โจทก์ ซึ่ง เป็น บุคคลภายนอก สัญญาประกันภัยและ มีสิทธิ ได้รับ ประโยชน์ ตาม สัญญาประกันภัย ดังกล่าว หาได้ไม่ที่ ศาลชั้นต้น และ ศาลอุทธรณ์ วินิจฉัย ให้ จำเลย ที่ 4 ร่วมรับผิดกับ จำเลย ที่ 1 และ ที่ 2 ด้วย นั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share