คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4190/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและยึดได้ธนบัตรจาก จำเลยที่1จากจำเลยที่3และจากจำเลยที่4ซึ่งเป็นธนบัตรที่จำเลยรับมาเพื่อใช้ในการหาซื้อกัญชาและใช้เป็นค่าขนย้ายกัญชาเป็นของกลางเมื่อจำเลยที่3ที่4ให้การรับสารภาพตามฟ้องจึงต้องฟังว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่3และที่4เป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา33การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่3ที่4มิใช่เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดหรือได้มาจากการกระทำผิดนั้นเป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลยไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่1ซึ่งให้การปฏิเสธเป็นคดีใหม่เป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา176และมีผลทำให้คำขอของโจทก์ในคดีนี้ที่ให้ริบธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่1สิ้นสภาพไป.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่กับพวกร่วมกันมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 น้ำหนัก 1035.77 กิโลกรัมไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสี่ได้พร้อมด้วยกัญชาดังกล่าวซึ่งบรรทุกมาในรถยนต์บรรทุก 6 ล้อและตรวจค้นพบธนบัตรเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท จากจำเลยที่ 1 พบธนบัตรเป็นเงิน 10,700 บาทจากจำเลยที่ 3และพบธนบัตรเป็นเงิน 10,000 บาทจากจำเลยที่ 4 รวมเป็นเงิน 40,700 บาทซึ่งเป็นธนบัตรที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 รับมาจากพวกของจำเลยที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องเพื่อใช้ในการหาซื้อกัญชาและใช้เป็นค่าขนย้ายกัญชา ยึดเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8,26, 76, 102 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) เรื่องระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522ลงวันที่ 17 กันยายน 2522 ข้อ 4(1) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 และขอให้ริบของกลาง จำเลยที่ 3 ที่ 4 ให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดจริงตามฟ้องส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 2ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องเข้ามาใหม่ภายใน 7 วัน คดีเฉพาะจำเลยที่ 3 ที่ 4 โจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 3 ที่ 4 มีความผิดตามฟ้องลงโทษจำคุกจำเลยที่ 3 ที่ 4 คนละ 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนดคนละ 4 ปีริบกัญชาของกลาง สำหรับธนบัตรที่ยึดได้จากจำเลยดังปรากฏในคำฟ้องได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่ายังไม่พอจะรับฟังได้ว่าจำเลยได้ใช้ในการกระทำผิดจึงไม่ริบและให้คืนเจ้าของ โจทก์อุทธรณ์ขอให้ริบธนบัตรของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่า เมื่อจำเลยที่ 3 และที่ 4 รับว่าได้กระทำความผิดตามฟ้อง ย่อมหมายความว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 รับว่าธนบัตรของกลางได้มีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด ตามที่โจทก์บรรยายมาในฟ้องศาลจึงต้องริบตามกฎหมายพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสี่กับพวกอีก 1 คน ร่วมกันมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จำนวน 214 ก้อน (แท่ง) ไว้ในความครองเพื่อจำหน่ายและยึดได้ธนบัตรจำนวน 20,000 บาท จากจำเลยที่ 1 ธนบัตรจำนวน 10,700 บาทจากจำเลยที่ 3 และธนบัตร 10,000 บาท จากจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นธนบัตรที่จำเลยรับมาจากพวกเพื่อใช้ในการหาซื้อกัญชา และใช้เป็นค่าขนย้ายกัญชาเป็นของกลางจำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การรับสารภาพตามฟ้องโดยไม่ได้โต้เถียงว่า ธนบัตรของกลางที่ยึดได้นั้น จำเลยที่ 3 และที่ 4 มิได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด จึงต้องฟังว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นทรัพย์มีไว้เพื่อใช้ในการหาซื้อกัญชาและใช้เป็นค่าขนย้ายกัญชาตามฟ้องอันเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3 และที่ 4 มิใช่เป็นทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิดหรือได้มาจากการกระทำผิด นั้นเป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลยเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา จึงให้ริบธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3และที่ 4 ฎีกาโจทก์ในข้อนี้ฟังขึ้น แต่สำหรับธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 1 นั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 1 ซึ่งให้การปฏิเสธเป็นคดีใหม่ภายใน 7 วัน เป็นการสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176และมีผลทำให้คำขอของโจทก์ในคดีนี้ที่ให้ริบธนบัตรของจำเลยที่ 1 สิ้นสภาพไปด้วยโจทก์จะขอให้ศาลมีคำสั่งในคดีนี้ริบธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 1 หาได้ไม่ฎีกาโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบธนบัตรของกลางที่ยึดได้จากจำเลยที่ 3 และที่ 4นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share