คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3820/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

คดีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้เปลี่ยนโทษจำคุก1เดือนเป็นกักขังแทนจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218 จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่มีเจตนาทุจริตพยานหลักฐานของจำเลยฟังได้และควรรอการลงโทษจำเลยหรือกักขังในสถานที่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยซึ่งล้วนแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วประทับฟ้อง จำเลยที่ 1 ไม่ให้การ จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 จำคุก 1 เดือน 15 วัน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังส่วนจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยให้เปลี่ยนโทษจำคุก 1 เดือนเป็นกักขังแทนจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ฎีกาของจำเลยที่ 2 มีสาระสำคัญโดยสรุปว่า จำเลยที่ 2 ไม่มีเจตนาทุจริต พยานหลักฐานของจำเลยฟังได้ว่าโจทก์รู้ถึงการกระทำผิด ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2526 และควรรอการลงโทษจำเลยที่ 2 หรือกักขังในสถานที่อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 ซึ่งล้วนแต่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 2

Share