คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3488/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เสียหายฟ้องจำเลยที่1กับพวกก่อนว่าร่วมกันทำร้ายร่างกายและทำให้ผู้เสียหายเสื่อมเสียเสรีภาพต่อมาอัยการฟ้องผู้เสียหายและจำเลยที่1ว่าต่างทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกันศาลพิพากษาลงโทษผู้เสียหายและจำเลยที่1ตามฟ้องของอัยการแล้วแม้คดีจะอยู่ระหว่างฎีกาก็ถือว่าการกระทำของจำเลยที่1ได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่1เกี่ยวกับการทำร้ายร่างกายจึงย่อมระงับตามป.วิ.อ.มาตรา39(4).

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมกล่าวคือ (ก) จำเลยที่ 1 ทำร้ายร่างกายโจทก์จนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ (ข) ต่อมาจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ใช้กำลังกายใส่กุญแจมือ จับกุมและทำร้ายกายโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังโจทก์(ค) ต่อมาจำเลยทั้งห้าร่วมกันทำร้ายร่างกายโจทก์จนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 310
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาจำเลยที่ 4 ถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 4
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 ตามฟ้องข้อ ก.เป็นกรรมเดียวกับที่พนักงานอัยการฟ้องโจทก์และจำเลยที่ 1 อีกคดีหนึ่งซึ่งศาลจังหวัดสมุทรปราการ พิพากษาลงโทษโจทก์กับจำเลยที่ 1ไปแล้ว ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3769/2526 คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์จึงเป็นฟ้องซ้ำ ทั้งโจทก์มิใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องจำเลยที่ 1 ด้วยสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ตามฟ้องข้อ ข. ไม่เป็นความผิดต่อเสรีภาพ ส่วนการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 5 ตามฟ้องข้อ ข. และข้อ ค. พยานหลักฐานของโจทก์ยังฟังลงโทษจำเลยไม่ได้พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ให้รับเฉพาะอุทธรณ์ที่ว่า คดีหมายเลขแดงที่3769/2526 ยังไม่ถึงที่สุดฟ้องโจทก์ไม่เป็นฟ้องซ้ำและจะฟังว่าโจทก์มิใช่ผู้เสียหายเพราะเข้าร่วมวิวาทตามข้อเท็จจริงในคดีก่อนโดยไม่ฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นการไม่ชอบ แล้วศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาข้อกฎหมายในชั้นนี้เพียงว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3769/2526 ของศาลจังหวัดสมุทรปราการหรือไม่ ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในสำนวนและคู่ความไม่ได้โต้เถียงกันฟังได้ว่า ภายหลังโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งห้าในคดีนี้แล้วพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรปราการ ได้ฟ้องโจทก์กับจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ว่า ได้ทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน และศาลได้พิพากษาจำคุกโจทก์กับจำเลยที่ 1 คนละ 3 เดือนและคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างฎีกา พิเคราะห์แล้วเห็ฯว่า การกระทำของจำเลยที่ 1ตามฟ้อง ข้อ ก. เคยถูกศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3769/2526 แม้คดีจะอยู่ในระหว่างฎีกา ก็ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ตามฟ้องข้อนี้ได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา (4)”
พิพากษายืน.

Share