คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2402/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เสียหายทำธนบัตรของกลางตกที่หน้าแผงลอยของพ. ขณะที่ล้วงกระเป๋าหยิบเงินมาชำระให้แก่พ. จำเลยมาพบก้มลงหยิบธนบัตรดังกล่าวไปหลังจากที่จำเลยเดินจากไปแล้วผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าธนบัตรของกลางหายไปดังนี้การที่จำเลยเอาธนบัตรของกลางไปในขณะที่ผู้เสียหายยังยืนอยู่ในบริเวณที่ทำธนบัตรตกและในเวลาใกล้เคียงกันนั้นเองผู้เสียหายก็รู้ทันทีว่าธนบัตรของตนหายไปถือได้ว่านับแต่เวลาที่ธนบัตรของกลางหลนลงไปที่พื้นจนถึงเวลาที่จำเลยหยิบเอาไปผู้เสียหายยังคงยึดถือธนบัตรนั้นอยู่การครอบครองธนบัตรยังอยู่กับผู้เสียหายเมื่อจำเลยเอาธนบัตรของกลางไปจากความครอบครองของผู้เสียหายเพื่อจะเอาไปเป็นของตนเองจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันลักธนบัตรฉบับละ 500 บาท1 ฉบับ ฉบับละ 100 บาท 3 ฉบับ ของพลตำรวจสำรองพิเศษสุริยา ศิริพันธะผู้เสียหายไปโดยทุจริตขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,334, 335
จำเลยทั้งสองให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้น พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 334 จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคหนึ่ง จำคุก 8 เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์และพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 2ฐานรับของโจร พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคสอง จำคุก 3 เดือนยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในวันเกิดเหตุผู้เสียหายทำธนบัตรจำนวน 800 บาท ตกที่หน้าแผงลอยของนางสาวพิศมัย ชอบเพชร ขณะที่ล้วงกระเป๋าหยิบเงินมาชำระค่าปลาหมึกให้แก่นางสาวพิศมัย จำเลยที่ 1 มาพบก้มลงหยิบธนบัตรจำนวนดังกล่าวไปหลังจากที่จำเลยที่ 1 เดินจากไปแล้ว ผู้เสียหายจึงรู้ตัวว่าธนบัตรจำนวน 800 บาทหายไป สอบถามนางสาวพิศมัยได้ความว่า จำเลยที่ 1เก็บเอาไป เห็นว่า จำเลยที่ 1 เอาธนบัตรของกลางไปในขณะที่ผู้เสียหายยังยืนอยู่ในบริเวณที่ทำธนบัตรตก ในเวลาใกล้เคียงกันนั้น ผู้เสียหายก็รู้ทันทีว่าธนบัตรของตนหายไป และได้สอบถามนางสาวพิศมัยในขณะนั้นจึงถือได้ว่านับแต่เวลาที่ธนบัตรของกลางหล่นลงไปที่พื้น จนถึงเวลาที่จำเลยที่ 1 หยิบเอาไป ผู้เสียหายยังคงยึดถือธนบัตรนั้นอยู่การครอบครองธนบัตรยังอยู่กับผู้เสียหายเมื่อจำเลยที่ 1 เอาธนบัตรของกลางไปจากการครอบครองของผู้เสียหายเพื่อจะเอาไปเป็นของตนเองจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
ส่วนคดีเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 นั้น…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้รับธนบัตรของกลางไว้จากจำเลยที่ 1 โดยรู้อยู่ว่าธนบัตรของกลางเป็นของที่จำเลยที่ 1 เก็บตกมาได้ การที่จำเลยที่ 2ปกปิดซ่อนแร้นไว้จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร…แต่จำเลยทั้งสองรับสารภาพตามข้อหาในฟ้องโจทก์มาแต่ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนโดยจำเลยที่ 1 ให้การมีข้อเท็จจริงเข้าลักษณะความผิดฐานลักทรัพย์จำเลยที่ 2 ให้การมีข้อเท็จจริงเข้าลักษณะความผิดฐานรับของโจรมีประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษสมควรลดโทษให้แก่จำเลยทั้งสอง สำหรับจำเลยที่ 2 นั้น เป็นหญิงอายุเพียง 18 ปีและเป็นบุตรจำเลยที่ 1 รับธนบัตรของกลางจากมารดาและถูกกำชับให้ปกปิดมิให้ผู้ใดทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อถูกสอบถามเกี่ยวกับธนบัตรของกลางในเวลากระชั้นชิดกับเวลาที่มารดานำมามอบให้ย่อมไม่มีเวลาไตร่ตรองโดยรอบคอบ คงยึดถือคำสั่งมารดาเป็นที่ตั้งในภาวะเช่นนั้นเป็นที่น่าเห็นใจ ไม่ปรากฎว่าจำเลยที่ 2 เคยต้องโทษหรือต้องหาคดีอาญาใด ๆ มาก่อน เห็นเป็นการสมควรที่จะให้โอกาสจำเลยที่ 2 กลับตัวประพฤติตนเป็นพลเมืองดีต่อไปสักครั้ง
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดและให้ลงโทษตามพิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อลดโทษให้จำเลยทั้งสองคนละ 1 ใน 3ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 8 เดือนจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 5 เดือน 10 วัน แต่ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56″.

Share