คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2384/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

จำเลยที่2ถึงที่8ได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิเพื่อก่อตั้งบริษัทเบต้าทัวร์จำกัดต่อมาไม่ปรากฏว่าบริษัทหรือผู้เริ่มก่อการดังกล่าวได้ประกอบกิจการค้าแต่อย่างใดหลังจากนั้น6เดือนเศษจำเลยที่6กับพวกได้จดทะเบียนบริษัทเบต้าเทรเวลเซอร์วิสจำกัดจำเลยที่1ถูกต้องตามกฎหมายโดยมีจำเลยที่6เป็นกรรมการผู้จัดการในการดำเนินกิจการของจำเลยที่1นั้นไม่ปรากฏว่าจำเลยที่2,3,4และ8ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยจำเลยที่6สั่งซื้อตั๋วเครื่องบินจากโจทก์ภายหลังที่จดทะเบียนตั้งบริษัทจำเลยที่1แล้วเช็คที่สั่งจ่ายชำระหนี้ค่าตั๋วเครื่องบินให้แก่โจทก์ก็เป็นเช็คที่จำเลยที่6กับพวกลงชื่อสั่งจ่ายในฐานะเป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่1ทั้งสิ้นเมื่อหนี้ที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่2,3,4และ8ร่วมรับผิดมิใช่หนี้ที่เกิดจากการดำเนินงานจัดตั้งบริษัทเบต้าทัวร์จำกัดและมิใช่หนี้ที่จำเลยที่6ก่อขึ้นโดยจำเลยที่2,3,4และ8มอบหมายหรือรู้เห็นยินยอมให้กระทำกรณีจึงไม่อยู่ในบังคับที่จะให้จำเลยที่2,3,4และ8ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1113

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 8 เป็น ผู้เริ่ม ก่อการ จัดตั้งบริษัท เบต้าทัวร์ จำกัด จำเลย ที่ 1 ได้ ร่วมกับ จำเลย ที่ 2 ถึงที่ 8 กระทำ การ ในนาม และ ตาม วัตถุประสงค์ ของ บริษัท จำเลย ที่ 1และ ของ บริษัท เบต้าทัวร์ จำกัด โดย สั่งซื้อ ตั๋ว เครื่องบิน จากโจทก์ เพื่อ นำ ไป จำหน่าย แก่ ลูกค้า รวม หลาย ครั้ง จำเลย ได้ รับตั๋ว เครื่องบิน ที่ สั่ง ซื้อ ไป แล้ว แต่ ยัง ไม่ ชำระ ค่า ตั๋วเครื่องบิน แก่ โจทก์ เป็น เงิน 228,545 บาท จึง ขอ ให้ ศาล บังคับให้ จำเลย ร่วมกัน ชำระ หนี้ ดังกล่าว
จำเลย ให้การ ว่า ไม่ เคย สั่ง ซื้อ ตั๋ว เครื่องบิน จาก โจทก์ และไม่ เคย ดำเนิน กิจการ ใดๆ ในนาม ของ บริษัท เบต้าทัวร์ จำกัด
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ที่ 1 ถึง ที่ 4 และ จำเลย ที่ 6ถึง ที่ 8 ร่วมกัน ชำระ เงิน ตาม ฟ้อง แก่ โจทก์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษา ยืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า หลังจาก ที่ จำเลย ที่ 2 ถึง ที่ 8 ได้ จดทะเบียน หนังสือ บริคณห์สนธิ เพื่อ ก่อตั้ง บริษัท เบต้าทัวร์ จำกัดเมื่อ วันที่ 4 พฤษภาคม 2522 แล้ว ไม่ ปรากฏ ว่า บริษัท หรือ ผู้เริ่มก่อการ ดังกล่าว ได้ประกอบ กิจการค้า แต่ อย่างใด จน กระทั่ง ต่อมาอีก ประมาณ 6 เดือน เศษ จำเลย ที่ 6 กับพวก ได้ จด ทะเบียน บริษัทเบต้า เทรเวล เซอร์วิส จำกัด จำเลย ที่ 1 ขึ้น เป็น บริษัท จำกัดถูกต้อง ตาม กฎหมาย เมื่อ วันที่15 พฤศจิกายน 2522 โดย จำเลย ที่ 6 เป็น กรรมการ ผู้จัดการ ใน การจด ทะเบียน ต่อ บริษัท จำเลย ที่ 1 และ ใน การ ดำเนิน กิจการ ของจำเลย ที่ 1 โดย มี จำเลย ที่ 6 เป็น กรรมการ ผู้จัดการ นั้น ไม่ปรากฏ ว่า จำเลย ที่ 2, 3, 4 และ 8 ได้ มี ส่วน เกี่ยวข้อง ด้วยการ ที่ จำเลย ที่ 6 สั่ง ซื้อ ตั๋ว เครื่องบิน จาก โจทก์นั้น เป็นการ สั่ง ซื้อ ภายหลัง ที่ จด ทะเบียน ตั้ง บริษัท จำเลย ที่ 1 ขึ้นแล้ว และ เช็ค ที่ สั่งจ่าย ชำระ หนี้ ค่า ตั๋ว เครื่องบิน ให้ แก่โจทก์ นั้น (ชำระ หนี้ ไป แล้ว บางส่วน) ก็ เป็น เช็ค ที่ จำเลย ที่6 กับพวก ลง ชื่อ สั่งจ่าย ใน ฐานะ เป็น กรรมการ ของ บริษัท จำเลย ที่1 ทั้งสิ้น ทั้ง ใน การ สั่ง ซื้อ ตั๋ว เครื่องบิน ดังกล่าว ก็ ไม่ปรากฏ ว่า จำเลย ที่ 2, 3, 4 และ 8 ได้ มอบหมาย หรือ รู้เห็น ยินยอมให้ จำเลย ที่ 6 เป็น ผู้ สั่งซื้อ แต่ อย่างใด เมื่อ หนี้ ที่ โจทก์ฟ้อง ให้ จำเลย ที่ 2, 3 4 และ 8 ร่วม รับผิด มิใช่ เป็น หนี้ ที่เกิดจาก การ ดำเนินงาน จัดตั้ง บริษัท เบต้าทัวร์ จำกัด และ มิใช่หนี้ ที่ จำเลย ที่ 6 ก่อขึ้น โดย จำเลย ที่ 2, 3, 4 และ 8 มอบหมายหรือ รู้เห็น ยินยอม ให้ กระทำ กรณี ไม่ อยู่ ใน บังคับ ที่ จะ ให้จำเลย ที่ 2, 3, 4 และ 8 ต้อง รับผิด ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1113
พิพากษา แก้ เป็น ว่า จำเลย ที่ 2, 3, 4 และ 8 ไม่ ต้อง ร่วม รับผิดชำระ หนี้ แก่ โจทก์ ค่าฤชา ธรรมเนียม ทั้ง สาม ศาล ระหว่าง โจทก์กับ จำเลย ที่ 2, 3, 4 และ 8 ให้ เป็น พับ นอกจาก ที่ แก้ คง ให้ เป็นไป ตาม คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์

Share