คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1386/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุ2ประการประการแรกคือจำเลยทราบกำหนดนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบและกรณียังฟังไม่ได้ตามคำร้องของจำเลยประการที่สองเห็นว่าคำร้องของจำเลยไม่ได้โต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามป.วิ.พ.มาตรา208จำเลยอุทธรณ์เพียงว่าจำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน15วันและคำร้องของจำเลยก็ระบุว่าจำเลยมีทางชนะคดีถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำชี้ขาดของศาลแล้วเช่นนี้ต้องถือว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่าจำเลยไม่มีเหตุผลสมควรที่จะให้ศาลเลื่อนการไต่สวนไปยุติแล้วแม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับผิดตามสัญญาประกันผู้ต้องหาที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามสัญญาประกันพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นสั่งไต่สวนคำร้องของจำเลย ถึงวันนัดไต่สวนนัดแรกจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างเหตุว่าทนายจำเลยป่วย ศาลชั้นต้นอนุญาต ครั้นถึงวันนัดทนายโจทก์มาศาลฝ่ายเดียวส่วนฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทราบวันนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบจึงถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวน ให้งดไต่สวน และกรณียังฟังไม่ได้ตามคำร้องของจำเลย ประกอบกับคำร้องขอ (คำขอ) จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านคำชี้ขาดตัดสินคดีของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 จึงให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์ในข้อกฎหมายว่า จำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และคำขอก็ได้อ้างว่าจำเลยมีทางที่จะชนะคดีเป็นการโต้แย้งคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วันตามที่กฎหมายกำหนดต่อศาลและได้บรรยายไว้ในคำร้องดังกล่าวแล้วว่าจำเลยจะมีทางชนะคดีได้อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งคัดค้านคำชี้ขาดของศาลชั้นต้นแล้ว คำขอให้พิจารณาใหม่จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอพิจารณาใหม่ของจำเลยโดยอ้างเหตุว่า จำเลยทราบกำหนดนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบจึงถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบในชั้นไต่สวนให้งดไต่สวนและกรณียังฟังไม่ได้ตามคำร้องของจำเลยประการหนึ่ง ทั้งคำร้องดังกล่าวไม่ได้โต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 อีกประการหนึ่งจำเลยคงอุทธรณ์แต่เพียงว่า จำเลยได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน15 วัน และคำร้องของจำเลยก็ได้ระบุว่าจำเลยมีทางชนะคดีถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งคำชี้ขาดตัดสินของศาลแล้ว โดยจำเลยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ในข้อที่ว่า จำเลยมีเหตุผลสมควรที่จะให้ศาลเลื่อนการไต่สวนไป เพื่อจำเลยจะได้นำพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่าการขาดนัดมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควร ดังนั้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงเป็นอันยุติไปตามคำสั่งศาลชั้นต้นแล้ว ด้วยเหตุนี้แม้ศาลฎีกาจะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่คดีแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
พิพากษายกฎีกาจำเลย…”.

Share