แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้อุทธรณ์ที่ไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่งถือว่าทิ้งฟ้อง.
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ในวันที่ 10 ตุลาคม 2526ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ได้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่โจทก์ 7 วัน ครั้นวันที่ 28 ตุลาคม 2526 หัวหน้างานเดินหมายและประกาศกรมบังคับคดีรายงานต่อเลขานุกการกรมบังคับคดีว่าศาลชั้นต้นส่งหมายนัด สำเนาคำร้อง สำเนาอุทธรณ์มาเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2526บัดนี้พ้นกำหนด 7 วันแล้ว จำเลยหรือผู้แทนจำเลยไม่มานำส่งเลขานุการกรมสั่งให้ส่งรายงานเจ้าหน้าที่พร้อมด้วยหมายนัดสำเนาคำร้องขอทุเลาบังคับคดีและสำเนาอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลสั่งรับอุทธรณ์แล้วจำเลยที่ 1 ไม่นำส่งหมายนัดตามกำหนดที่สั่งไว้ให้ส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์เพื่อสั่งต่อไป
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 พิพากษาให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ว่าได้มอบเงินค่าส่งหมายให้เสมียนทนายไปติดต่อส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ แต่เสมียนทนายไม่ไปจัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์ถ้าหากศาลไม่เชื่อตามคำร้องก็ชอบที่ศาลจะสั่งให้ไต่สวนเสียก่อนนั้น เห้นว่าไม่มีบทกฎหมายให้ศาลจะต้องไต่สวนกรณีอย่างนี้แต่อย่างใด และการที่จำเลยที่ 1 ผู้อุทธรณ์ไม่นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งภายในกำหนดเวลาที่ศาลสั่ง ย่อมเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2)ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลอุทธรณ์นั้นชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.