คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1235/2529

แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก1ปีรอการลงโทษไว้2ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าไม่รอการลงโทษคดีต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา219เมื่อจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาตามมาตรา221ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับพิจารณาได้.

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 67 วางโทษจำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดดทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และพิเคราะห์ถึงสภาพความผิดแล้ว เห็นสมควรให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 2 ปี โดยกำหนดเงื่อนไขให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติเดือนละครั้งมีกำหนด 1 ปี และให้จำเลยละเว้นการประพฤติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษตลอดระยะเวลาที่รอการลงโทษนั้นด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษ และไม่กำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติ
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ โดยยื่นคำร้องขออนุญาตต่อผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาพิพากษาคดีนี้ในศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาและสั่งคำร้องขออนุญาตฎีกาของจำเลยว่าศาลสั่งรับฎีกาแล้วไม่มีเหตุที่จะพิจารณาสั่งตามคำร้องอีก ให้ยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี แม้ศาลชั้นต้นจะให้รอการลงโทษจำคุกไว้ แต่ศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 1 ปี จำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามมาตรา 219 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ฎีกาของจำเลยที่ขอให้รอการลงโทษจำคุกเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ทั้งจำเลยไม่ได้รับอนุญาตให้ฎีกาตามมาตรา 221 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ศาลฎีกาจึงไม่อาจรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปได้ ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยมาเป็นการมิชอบ”
พิพากษายกฎีกาของจำเลย.

Share