คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

โจทก์และจำเลยที่1เป็นสามีภริยากันต่างประสงค์จะแบ่งที่ดินสินสมรสซึ่งถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันอยู่ออกเป็นสัดส่วนได้มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของที่ดินดังกล่าวส่วนใหญ่ในชื่อของโจทก์ผู้เดียวแล้วขายไปโดยจำเลยที่1รู้เห็นด้วยต่อมาจำเลยที่1ได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดินส่วนที่เหลือคือที่พิพาทในชื่อของจำเลยที่1ผู้เดียวเช่นนี้ถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยที่1ได้ตกลงแบ่งที่ดินทั้งแปลงดังกล่าวออกเป็นของแต่ละฝ่ายแล้วที่พิพาทจึงหมดสภาพจากการเป็นสินสมรสตกเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่1จำเลยที่1ย่อมมีอำนาจขายที่พิพาทโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากโจทก์เมื่อจำเลยที่1ขายที่พิพาทให้แก่จำเลยที่3โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่พิพาทและการจดทะเบียนซื้อขายระหว่างจำเลยที่1กับจำเลยที่3.

ย่อยาว

โจทก์ ฟ้อง ใจความ ว่า โจทก์ และ จำเลย ที่ 1 เป็น สามี ภริยา กันแต่ แยกกัน อยู่ โจทก์ เป็น ผู้มี สิทธิ ครอบครอง ที่ดิน ส.ค.1 เลขที่51 เนื้อที่ 57 ไร่ ซึ่ง เป็น สินสมรส ระหว่าง โจทก์ กับ จำเลย ที่1 จำเลย ที่ 1 ได้ ยื่น คำขอ รับรอง การ ทำ ประโยชน์ (เฉพาะส่วน)จำนวน ครึ่งหนึ่ง ของ ที่ดิน ดังกล่าว ใน ที่สุด ได้ มี การ รังวัดออก หนังสือ รับรอง การ ทำ ประโยชน์ เลขที่ 1601 ให้ แก่ จำเลย ที่1 ต่อมา จำเลย ที่ 1 โอน ขาย ที่ดิน ดังกล่าว แก่ จำเลย ที่ 3 โดยบุคคล ทั้งสอง ร่วมกัน ทำ โดย ไม่ สุจริต ทำ ให้ โจทก์ เสียเปรียบและ มิได้ รับ ความ ยินยอม จาก โจทก์ ผู้ เป็น สามี ขอ ให้ เพิกถอนหนังสือ รับรอง การ ทำ ประโยชน์ เลขที่ 1601 และ สัญญา ซื้อขาย ระหว่างจำเลย ที่ 1 กับ จำเลย ที่ 3
จำเลย ทั้งสาม ให้การ ทำนอง เดียวกัน ว่า ที่ดิน ตาม ส.ค.1 เลขที่51 เป็น สินสมรส โจทก์ ขอออก หนังสือ รับรอง การ ทำ ประโยชน์ ใน ที่ดินดังกล่าว ในนาม ของ โจทก์ ผู้เดียว พร้อม แบ่งขาย ให้ แก่ ผู้อื่นไป แล้ว เนื้อที่ 30 ไร่ 3 งาน 45 ตารางวา ที่เหลือ 26 ไร่ 2 งาน60 ตารางวา ให้ เป็น ของ จำเลย ที่ 1 จำเลย ที่ 1 ขอออก หนังสือ รับรองการ ทำ ประโยชน์ ที่ดิน ที่เหลือ และ ทาง ราชการ ออกให้ เลขที่1601 คือ ที่ พิพาท นี้ จำเลย ที่ 1 ได้ ขาย ให้ แก่ จำเลย ที่ 3โดย สุจริต ที่ดิน ดังกล่าว เป็น สิน ส่วนตัว สามารถ ขาย ไป ได้ โดยไม่ ต้อง ได้ รับ ความ ยินยอม ของ คู่สมรส โจทก์ ไม่ มี สิทธิ ฟ้อง
ระหว่าง พิจารณา โจทก์ ขอ ถอน ฟ้อง จำเลย ที่ 2 และ ขอ ให้ เรียกจำเลยร่วม เข้า มา ใน คดี ศาลชั้นต้น อนุญาต
จำเลยร่วม ให้การ ทำนองเดียว กับ จำเลย ที่ 1 ที่ 3
ศาลชั้นต้น พิพากษา ยกฟ้อง โจทก์
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายก คำพิพากษา ศาลชั้นต้น ให้ ศาลชั้นต้น วินิจฉัยประเด็น ข้อ พิพาท แล้ว พิพากษา ใหม่ ตาม รูปคดี
จำเลย ที่ 1 ที่ 3 และ จำเลยร่วม ฎีกา
ข้อเท็จจริง เป็น ยุติ ว่า โจทก์ และ จำเลย ที่ 1 เป็น สามี ภริยากัน ที่ดิน ส.ค.1 เลขที่ 51 เป็น สินสมรส โดย โจทก์ ได้ รับ มรดก มาระหว่าง ที่ เป็น สามี ภริยา กัน โจทก์ ขอออก หนังสือ รับรอง การทำ ประโยชน์ และ แบ่งขาย ที่ดิน ดังกล่าว ตาม น.ส.3 เลขที่ 1595ถึง 1597 เนื้อที่ 30 ไร่ 3 งาน 45 ตารางวา ให้ แก่ ผู้มี ชื่อ ไปแล้ว จำเลย ที่ 1 ได้ ขอออก หนังสือ รับรอง การ ทำ ประโยชน์ ที่ดินส่วน ที่เหลือ เนื้อที่ 26 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา ได้ รับ หนังสือ รับรองการ ทำ ประโยชน์ เลขที่ 1601 คือ ที่ พิพาท แล้ว โอน ขาย ให้ แก่จำเลย ที่ 3
ศาลฎีกา ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า โจทก์ ได้ มอบอำนาจ ให้ นาย วรศักดิ์บุตร ของ โจทก์ กับ จำเลย ที่ 1 ให้ ไป ขอออก หนังสือ รับรอง การ ทำประโยชน์ และ แบ่งขาย ที่ดิน ตลอดจน ให้ ถ้อยคำ ต่อ เจ้าหน้าที่นาย วรศักดิ์ ได้ ดำเนินการ ตาม ที่ ได้ รับ มอบอำนาจ มา จน เสร็จสิ้นรวมทั้ง ระบุ เขต ที่ดิน ส่วน ของ โจทก์ และ จำเลย ที่ 1 ให้ ถ้อยคำยืนยัน อาณาเขต ที่ พิพาท ด้วย
วินิจฉัย ข้อกฎหมาย ว่า ไม่ ปรากฏ ว่า โจทก์ คัดค้าน เป็น หนังสือใน การ ที่ จำเลย ที่ 1 ขอ ออก หนังสือ รับรอง การ ทำ ประโยชน์ทั้งๆ ที่ โจทก์ ก็ ทราบ ว่า ที่ จำเลย ที่ 1 กระทำ เช่นนั้น ก็ เพื่อจะ ขาย ที่ พิพาท ให้ แก่ จำเลย ที่ 3 พฤติการณ์ ของ โจทก์ ดังกล่าวเป็น การ สนับสนุน ให้ เห็น ว่า ขณะที่ โจทก์ มอบอำนาจ ให้ นาย วรศักดิ์ขาย ที่ดิน อัน เป็น สินสมรส ตาม เอกสาร หมาย จ.3 ถึง จ.5 โจทก์ และจำเลย ที่ 1 ต่าง ประสงค์ จะ แบ่ง ที่ดิน อัน เป็น กรรมสิทธิ์ รวมออก เป็น สัดส่วน ใน ที่สุด ก็ ได้ มี การ ออก หนังสือ รับรอง การทำ ประโยชน์ ใน ชื่อ ของ โจทก์ ผู้เดียว ส่วนใหญ่ แล้ว ขาย ไป ทั้งหมดโดย จำเลย ที่ 1 รู้เห็น ด้วย ต่อมา จำเลย ที่ 1 ก็ ได้ รับ หนังสือรับรอง การ ทำ ประโยชน์ ใน ที่ พิพาท ใน ชื่อ จำเลย ที่ 1 ผู้เดียวเช่นนี้ ถือได้ ว่า โจทก์ กับ จำเลย ที่ 1 ได้ ตกลง แบ่ง ที่ดิน ทั้งแปลง ดังกล่าว ออกเป็น ของ แต่ละ ฝ่าย แล้ว ที่ พิพาท จึง หมดสภาพจาก การ เป็น สินสมรส ตก เป็น สินส่วนตัว ของ จำเลย ที่ 1 จำเลย ที่1 ย่อม มี อำนาจ ขาย ที่ พิพาท โดย ไม่ ต้อง ได้ รับ ความ ยินยอมจาก โจทก์
ปัญหา ต่อไป กรณี ที่ ศาลอุทธรณ์ ย้อน สำนวน ไป ให้ ศาลชั้นต้นพิจารณา พิพากษา ใหม่ นั้น เมื่อ ฟัง ได้ ว่า ที่ พิพาท เป็น สินส่วนตัวของ จำเลย ที่ 1 จำเลย ที่ 1 ย่อม มี อำนาจ ขาย ไป ได้ โดย ลำพังดังกล่าว แล้ว โจทก์ จึง ไม่ มี อำนาจ ที่ จะ ขอ ให้ เพิกถอน หนังสือรับรอง การ ทำ ประโยชน์ และ การ จด ทะเบียน ซื้อขาย ที่ พิพาท รูปคดีไม่ มี เหตุ ที่ จะ ต้อง ย้อน สำนวน ไป ให้ ศาลชั้นต้น พิจารณาพิพากษา ใหม่ คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ ไม่ ต้อง ด้วย ความเห็น ของ ศาลฎีกาฎีกา ของ จำเลย ทั้งสาม ฟัง ขึ้น
พิพากษากลับ ให้ บังคับคดี ไป ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น และ ให้ค่า ฤชาธรรมเนียม ใน ชั้นอุทธรณ์ ฎีกา เป็น พับ.

Share