แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คลองหรือคูที่เจ้าของที่ดินขุดขึ้น เมื่อเจ้าของไม่ได้อุทิศให้เป็นสาธารณ แม้จะยอมให้ประชาชนใช้ในการสัญจรไปมาบ้างก็ไม่ทำให้กลายสภาพเป็นทางสาธารณ ฉะนั้น ถึงเจ้าของจะทำทำนบเจ้าของจะทำทำนบหรือคันดินปิดกั้น ก็ไม่มีความผิดฐานปิดทางสาธารณ
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้พิจารณารวมกัน โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองบังอาจสมคบกันปิดกั้นทางสาธารณ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๗๕, ๓๘๕
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คลองรายพิพาทมิใช่คลองสาธารณ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่โจทก์ฎีกามาว่าการที่จำเลยยอมให้ประชาชน ใช้สัญจรไปมานานถึง ๑๐ ปี แม้จำเลยจะได้ทำคันดินกั้นคูไว้ มิได้เป็นการแสดงว่าจำเลยประสงค์จะสงวนสิทธิใช้ส่วนตัว จึงถือได้ว่าจำเลยอุทิศลำคูหรือลำคลองให้เป็นสาธารณประโยชน์โดยปริยายแล้ว ดังนี้ เป็นการเถียงในข้อเท็จจริงซึ่งศาลล่างทั้งสองได้ฟังมาแล้วว่าจำเลยไม่เคยอุทิศให้ ทั้งที่รายพิพาทก็ยังอยู่ในเขตโฉนดระหว่างที่ของจำเลยทั้งสอง ซึ่งศาลนี้จำต้องฟังข้อเท็จจริงดังที่ศาลล่างทั้งสองได้รับฟังมาแล้ว ส่วนข้อที่ว่า พฤติการณ์ดั่งในคดีนี้จะเป็นทางสาธารณหรือไม่นั้น ศาลนี้ก็เห็นพ้องด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองว่า แม้จำเลยจะยอมให้ชาวบ้านถือวิสาสะใช้คูหรือคลองรายนี้บ้าง เมื่อเจ้าของไม่ได้อุทิศให้เป็นสาธารณก็ไม่ทำให้กลายสภาพเป็นทางสาธารณไปได้ ฉะนั้น จำเลยทั้งสองจึงไม่มีความผิด ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน