คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15-16/2487

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ไนสัญญาเช่าห้ามไม่ไห้เช่าช่วง ผู้เช่าฟ้องขับไล่คนที่เช่าหยู่ก่อนแล้วทำความยุอุดมกันไห้ผู้เช่าคนก่อนหยู่ต่อไปอีก 3 เดือนดังนี้ ไม่ถือว่าหลีกเลี่ยงสัญญาเช่า และไม่เปนการผิดสัญญา.

ย่อยาว

ข้อเท็ดจิงได้ความว่าตึกรายพิพาทโจททำสัญญาไห้นายตงฮั้วนางกิมเอง (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่าจำเลยที่ 2) เช่า ไนข้อสัญญามีว่า ห้ามมิไห้โอนหรือเช่าช่วงหรือยอมไห้ผู้อื่นเข้าหยู่แทน และได้ความต่อไปว่าตึกรายพิพาทนี้ นายฉันนางฮิงจือ (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่าจำเลยที่ 1) ได้ครอบครองหยู่ จำเลยที่ 2
ได้ฟ้องขับไล่จำเลยที่ 1 และทำสัญญาปรานีประนอมกันนอกสาล ไนสัญญาปรานีประนอมมีข้อความว่า จำเลยที่ 1 ยอมชดไช้ค่าเสียหายและค่าทำเนียมไห้ จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ยอมไห้จำเลยที่ 1 เช่าเปนระยะ 3 เดือน
สาลชั้นต้นพิจารนาแล้วฟังว่าสัญญาปรานีประนอมนั้นเปนสัญญาไห้เช่าช่วง จึงพิพากสาไห้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจาสถานที่เช่า
จำเลยที่ 2 อุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสาแก้ไห้ยกสำหรับจำเลยที่ 2
โจทดีกา สาลดีกา เห็นว่าตามสัญญาปรานีประนอมและพรึติการน์ที่ปรากตเปนที่เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 มิได้มีความตั้งไจไห้จำเลยที่ 1 เช่าช่วง อันจะถือเปนการฝ่าฝืนสัญญาเช่าระหว่างโจทกับจำเลยที่ 2 หากเปนการผ่อนผันไห้จำเลยที่ 1 หยู่ต่อไปพายไนระยะเวลาโดยเหตุที่จำเลยที่ 1 ครอบครองหยู่ก่อน จะไห้ออกไปทันทีทำไม่ได้ แม้แต่สาลพิพากสาขับไล่โดยปรกติก็ยังมีกำหนดเวลาไห้ สาลดีกาเห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 ทำเช่นนี้ไม่เปนการหลึกเลี่ยงข้อสัญญาห้ามการเช่าช่วงแต่หย่างได จึงพิพากสายืนตาม

Share