คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046-2047/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตรงที่ถนนสองถนนตัดทับกันนั้นคือทางร่วม รถที่แล่นตามถนนจากทิศใต้ไปเหนือเมื่อมาถึงตรงที่ถนนตัดกันนั้นย่อมเป็นรถทางซ้ายของรถที่แล่นมาจากทิศตะวันออกมาตะวันตก.

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้รวมพิจารณาพิพากษา สำนวนแรกโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๒ เป็นลูกจ้างขับรถจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถโดยประมาทชนรถโจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยชดใช้ให้
จำเลยให้การต่อสู้ว่ารถโจทก์เป็นฝ่ายผิด ฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ ได้ฟ้องนายทองหล่อเป็นจำเลยอีกสำนวนหนึ่งว่าเป็นคนขับรถของโจทก์ในสำนวนแรกได้ขับรถประมาทขนรถของนายตั๋น (จำเลยที่ ๑ ในสำนวนแรกเสียหาย ขอให้ใช้ค่าเสียหายเท่าที่ได้ฟ้องแย้งไว้)
โจทก์ และนายทองหล่อคงต่อสู้ว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิด
เมื่อสืบพยานโจทก์ได้สองปากแล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่าขอให้ศาลวินิจฉัย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ ม.๑๒ ถ้าฝ่ายใดถูกก็ให้ชนะคดีไป
ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่เกิดเหตุเป็นทางร่วมตาม ม.๑๒ พ.ร.บ.จราจรทางบก รถโจทก์มาทางซ้ายเป็นรถที่ได้ไปก่อนพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์ตามที่ตกลงท้ากันไว้ และให้ยกฟ้องแย้งเสีย
จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่ารถโจทก์แล่นตามถนนรัตนเขตจากทิศใต้ไปเหนือ รถจำเลยแล่นตามถนนชนาลัยจากทิศตะวันออกไปตะวันตก รถชนกันบนถนนที่ตัดกันเห็นว่าตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ม.๑๒ ทางร่วมคือทางที่บรรจบกันหรือร่วมกัน ทางแยกคือที่แยกไปจากกัน ถนนที่ตัดกันนั้นต้องถือว่าตรงที่ตัดหรือผ่านหรือทับกันนั้นเป็นทางร่วมรถโจทก์แล่นจากใต้ไปเหนือ จึงเป็นรถทางซ้ายของรถจำเลยซึ่งแล่นจากตะวันออกไปตะวันตก ศาลล่างชี้ขาดมาชอบแล้ว พิพากษายืน.

Share